2552/09/19

เคล็ด(ไม่)ลับ พิชิตโทเฟล

เด็กดีดอทคอม :: เคล็ด(ไม่)ลับ พิชิตโทเฟล; tags: toefl, toeic, IBT, ielts, cu-tep, sat , tu-get, เรียนต่อเมืองนอก, เรียนนอก, โทเฟล, โทอิกเคล็ด(ไม่)ลับ พิชิตโทเฟล

อย่างที่ทราบกันว่า ปัจจุบันจะนิยมสอบโทเฟล แบบ IBT หรือแบบอินเตอร์เน็ทกันมากที่สุด และ ข้อสอบโทเฟลแบ่งเป็น 4 พาร์ท คือ อ่าน(reading) ฟัง(listening) พูด(speaking) เขียน(writing) ค่ะ

เด็กดีดอทคอม :: เคล็ด(ไม่)ลับ พิชิตโทเฟล; tags: toefl, toeic, IBT, ielts, cu-tep, sat , tu-get, เรียนต่อเมืองนอก, เรียนนอก, โทเฟล, โทอิก

อ่าน (Reading)
- ไม่ควรอ่านทั้งบทความก่อนอ่านคำถาม เพราะจะทำ
ให้เสียเวลา(หรือเวลาไม่พอ) ควรอ่านคำถามก่อน
อ่านบทความทั้งหมด จากนั้นค่อยๆ หาคำตอบจากบท
ความ


ฟัง (Listening)
- ระหว่างที่ฟังไป ควรจดคำศัพท์หรือประโยคที่เราได้
ฟังเอาไว้ด้วย เพราะจะได้ไม่ลืมและนำมาตอบคำถาม
ได้

พูด (Speaking)

- ควรตั้งสมาธิให้ดีถึงดีที่สุด เพราะข้อสอบพูดนั้น เราต้องพูดแล้วอัดด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพราะฉะนั้นระหว่างที่เรากำลังอัดอยู่ คนอื่นก็อาจจะกำลังอัดอยู่เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นเสียงคนอื่นอาจทำให้เราเสียสมาธิได้

- ช่วงเวลาที่ให้เตรียมตัวนั้น ควรลิสท์เอาไว้ว่าจะพูดอะไร ซึ่งไม่ควรลิสท์เป็นประโยคเพราะจะทำให้เสียเวลา ควรลิสท์เป็นคำหรือโพยนั่นเอง และควรใส่ Conjunction (คำเชื่อม) เช่น However , Finally , Afther that เป็นต้น

- ไม่ต้องกังวลเรื่องสำเนียงภาษาอังกฤษ ให้พูดไปเลย แต่ต้องพูดให้ชัดค่ะ

- เวลาพูดตอบ ต้องเน้นเหตุผลเป็นหลักค่ะ เช่น ถ้าเค้าถามว่าเห็นด้วยกับความคิดของเด็กคนนี้หรือไม่ ก็ต้องหาเหตุผลมาตอบให้ดีค่ะ เพราะถึงแกรมม่าจะผิดๆ ถูกๆ แต่ถ้ามีเหตุผลของคำตอบที่ดีก็จะช่วยทำให้ได้คะแนนส่วนหนึ่ง


เขียน (Writing)

- ต้องพิมพ์เร็วค่ะ ใครพิมพ์ช้าพิมอืดอาดก็ฝึกพิมพ์ให้คล่องให้ไวกันด้วยนะคะ เพราะการพิมพ์ช้าจะทำให้เสียเวลาเป็นอย่างมาก

เตือนภัย : ใส่คอนแทคระวังอันตราย

การใส่คอนแทคเลนส์ ทำให้การส่งผ่านออกซิเจนระหว่างอากาศกับกระจกตาดำลดลง (กระจกตาดำต้องการออกซิเจนจากหน้าสัมผัสกับอากาศภายนอกโดยการละลายของออกซิเจนในน้ำตาผ่านเข้าไป) ดังนั้น ผู้ใช้คอนแท็กเลนส์บางคนที่มีการสร้างน้ำตาบกพร่อง (ไม่ว่าจะเป็นในแง่ปริมาณ และ/หรือคุณภาพของน้ำตา) ทำให้การส่งผ่านออกซิเจน-น้ำตา-กระจกตาดำลดลง

เด็กดีดอทคอม :: เตือนภัย : ใส่คอนแทคระวังอันตราย; tags: คอนแทคเลนส์ , วัยรุ่น , ซื้อ เตือนภัย : ใส่คอนแทคระวังอันตราย

ซึ่งผลก็คือ กระจกตาดำขาดอากาศหายใจ ทำให้เซลล์เยื่อบุผิวกระจกตาดำซึ่งมีบทบาทในการทำให้กระจกตาดำคงความใสอยู่ ได้ตลอดเวลา ลดจำนวนลงไป ภูมิคุ้มกันของตา โดยเฉพาะ บริเวณกระจกตาดำลดลงไป เสี่ยงต่อการติดเชื้อง่ายขึ้น

สำหรับอัตราของผู้ใช้คอนแทคเลนส์ โดยดูแลอย่างถูกต้อง (ไม่ใส่ค้างคืน ไม่ขี้เกียจล้าง) อยู่ที่ ๑:๒๐๐:๑ ปี (ใน ๑ ปี คนใช้คอนแท็กเลนส์ อย่างถูกวิธี ๒๐๐ คน จะมี ๑ คน ที่เกิดการติดเชื้อทั้งที่รุนแรงและไม่รุนแรง)

การใส่คอนแทคเลนส์เมื่อมีการติดเชื้ออย่างอ่อนๆ อาจมีอาการเพียงการคัน ระคายเคือง หรือมีน้ำตาไหลเท่านั้น ทำให้ร่างกายพยายามเอาระบบภูมิคุ้มกันมายังกระจกตาดำ (ซึ่งเป็นอวัยวะที่ไม่มีหลอดเลือดมาเลี้ยงโดยสิ้นเชิง) มาก ขึ้น หลอดเลือดที่เยื่อบุตาขาวจะขยายตัว ในผู้ที่เกิดการระคายเคืองการแพ้สารที่อยู่ในน้ำยาสารพัดอย่าง มีการขยายตัวของหลอดเลือดนี้ได้บ้างเหมือนกัน บางรายหลอดเลือดถึงกับงอกไปบนกระจกตาดำเลยทีเดียว

ในบางประเทศ ทุกคนที่ใส่คอนแทคเลนส์ต้องได้รับการตรวจพื้นฐาน ได้แก่ ความโค้งของกระจกตา (คอนแท็กเลนส์มีหลายความโค้ง การเลือกความโค้งให้เหมาะกับตาแต่ละคนก็เป็นเรื่องสำคัญ) ตรวจ คุณภาพน้ำตา และโรคตาที่อาจยังไม่แสดงอาการก่อนที่จะเริ่มใส่คอนแทคเลนส์ และในบางคนอาจได้รับคำแนะนำให้เลือกใช้วิธีแก้ไขสายตาอย่างอื่นแทน ทั้งที่ดูๆ เขาก็เป็นคนปกติ ไม่เคยมีปัญหาเรื่องตามาก่อน

เด็กดีดอทคอม :: เตือนภัย : ใส่คอนแทคระวังอันตราย; tags: คอนแทคเลนส์ , วัยรุ่น , ซื้อเตือนภัย : ใส่คอนแทคระวังอันตราย

แต่พอหันกลับมาดูที่ประเทศไทย คอนแทคเลนส์นั้นหาซื้อได้ง่ายถึงขั้นที่ว่าขายกันอยู่ตีนบันไดทางขึ้น – ลง รถไฟฟ้า วัยรุ่นก็ให้ความนิยมหาซื้อกันมาใส่ ถูกผิดก็ลองๆ กันไป...มีปัญหาค่อยหาหมออีกทีแบบพี่เหมี่ยวว่าไม่คุ้มเลยนะคะ เสียเงินได้ของไม่มีคุณภาพมาใช้แล้วยังต้องเสี่ยงอันตรายอีก

2552/09/10

อ่านหนังสืออย่างไร ให้เข้าหัว

- ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการอ่านหนังสือ ควรจะเป็นช่วงที่ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่าช่วงเวลาที่ควรอ่านหนังสือควรเป็นช่วงที่ร่างกายและจิตใจของน้องๆผ่อนคลาย หรืออ่านในวันหยุดสบายๆ ที่ไม่ได้มีนัดหรือรีบไปที่ไหนค่ะ บรรยากาศรอบตัวก็สดใส ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไปค่ะ แต่งตัวสบายๆ ไม่อึดอัด และไม่ควรฝืนอ่านหนังสือขณะที่กำลังเครียดหรืออารมณ์ไม่ดีนะคะ เพราะจะเป็นช่วงที่ไม่มีสมาธิและทำให้อ่านไม่รู้เรื่อง ทำให้ไม่เกิดประโยชน์จากการอ่านอย่างเต็มที่ ดังนั้น

เด็กดีดอทคอม :: อ่านหนังสืออย่างไร ให้เข้าหัว; tags: เก้าอี้, เด็กดี, วิธี, สมาธิ, อ่าน, เคล็ดลับอ่านหนังสืออย่างไร ให้เข้าหัว

- อย่าอ่านเมื่อรู้สึกหิว (กินให้อิ่มก่อนดีกว่านะ) เพราะจะทำให้ไม่มีสมาธิ (ท้องก็ร้อง) แถมยังไม่มีพลังงานให้สมอง และไม่ควรอ่านหนังสือหลังรับประทานอาหารอิ่มใหม่ๆ เพราะร่างกายต้องใช้พลังงานในการย่อยอาหาร ถ้าเกิดไปอ่านหนังสือตอนนั้น เลือดจะขึ้นไปเลี้ยงสมองมาก จนทำให้กระเพาะย่อยอาหารได้ไม่ดี อาจท้องอืดท้องเฟ้อได้นะคะ!!

เด็กดีดอทคอม :: อ่านหนังสืออย่างไร ให้เข้าหัว; tags: เก้าอี้, เด็กดี, วิธี, สมาธิ, อ่าน, เคล็ดลับอ่านหนังสืออย่างไร ให้เข้าหัว

- ท่านั่งที่ถูกต้องสำหรับการอ่าน คือ นั่งหลังตรงและไม่เกร็งเกินไป ควรเลือกเก้าอี้ที่มีพนักพิงและเท้าแขนที่พอเหมาะกับร่างกาย เก้าอี้ที่นุ่มเกินไปหรือแข็งเกินไปจะทำให้นั่งไม่สะดวก และทำให้อ่านไม่ได้นาน

- ควรถือหนังสือให้ห่างจากดวงตาไม่น้อยกว่า 30 เซนติเมตร (ประมาณ 1 ไม้บรรทัด)และไม่ควรนอนอ่านหนังสือนะคะ เพราะนอกจากจะทำให้เมื่อยแขนมากกว่าปกติแล้ว สายตายังต้องปรับระดับมากอีกด้วย สายตาจะเสียเอานะคะ

กินผักบำรุงสายตา อ่านหนังสือฉลุย!!!

อาหารที่บำรุงสายตา จะมีส่วนประกอบของวิตามินเอ(Vitamiv A) เป็นส่วนสำคัญค่ะ เนื่องจากวิตามินเอนั้น จะช่วยในการแปรพลังงานแสงที่ได้รับให้เป็นสัญญาณสู่ระบบประสาท ถ้าหากขาดไปการรับภาพของจอตาอาจจะเสื่อมลงได้ แหล่งอาหารที่มีวิตามินเอมากนอกจากจะอยู่อาหารประเภทสัตว์ เช่น ตับ,ไข่แดงหรือนม แล้ว ก็จะมีอยู่ในพืชมีเขียว สีแสด หรือสีเหลือง (สีสวยๆทั้งนั้นเลย) เช่น

เด็กดีดอทคอม :: กินผักบำรุงสายตา อ่านหนังสือฉลุย!!!; tags: สายตา,อ่าน,ผัก,เมนู,อาหาร,วิตามินเอกินผักบำรุงสายตา อ่านหนังสือฉลุย!!!

1.ผักบุ้ง มีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตา ทำให้ดวงตามีน้ำหล่อเลี้ยง เป็นประกายสวยงาม ไม่แสบ หรือ รู้สึกแห้งในตา เมนูเด็ดๆ ก็คือ ผักบุ้งไฟแดง ลวกจิ้มน้ำพริก หรือกินสดๆก็ได้ค่ะ

2.ตำลึง เป็นไม้เลื้อยที่แต่ก่อนมักปลูกตามรั้วบ้าน ตำลึงเป็นผักที่มีรสหวาน กลิ่นหอม อุดมไปด้วยวิตามินเอ เมนูยอดนิยมก็ต้องแกงจืดตำลึง หรือเอาชุบแป้งทอดก็ได้นะคะ

3.แครอต เป็นผักที่ขึ้นชื่อเรื่องบำรุงสายตา และว่ากันว่าจำเป็นถึงขนาดที่นักบินอังกฤษช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กินเพื่อช่วยใช้ในการโจมตีข้าศึกตอนกลางคืน ทำให้โจมตีเป้าหมายได้แม่นยำ(โอ้โฮ สุดยอดเลยค่ะ) เมนูแครอทก็มีมากมาย ต้ม ผัด แกง ทอด หรือจะเอาไปทำเป็นน้ำแครอทก็ยังได้ เยี่ยมจริงๆ

4. ฟักทอง กินได้ทั้งยอดอ่อน ดอกตูม ลูกฟักทองอ่อน และเนื้อฟักทองแก่ มีวิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตาให้มีประกายที่สดใส สามารถนำมาทำได้ทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน เช่น ผัดฟักทอง แกงขียวหวานฟักทอง หรือฟักทองบวดฟักทอง พายฟักทอง เป็นต้น

อ่านจบแล้ว น้องๆหิวกันบ้างหรือเปล่า พี่แนน คิด ภาพแต่ละเมนูแล้วหิวขึ้นมาเลยค่ะ เพราะนอกจากจะอร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะช่วงที่ต้องอ่านหนังสือมากๆ ทำให้สายตาเราได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่ แล้วน้องๆ ชาวเด็กดีคนไหน มีเมนูบำรุงสายตากันอย่างไรบ้าง ลองมาคุยกันนะคะ

เด็กไทยรุ่นใหม่ มากินผักกันค่ะ ^^

ฟังให้ดี ได้เกรด 4 ไปกว่าครึ่ง !

เด็กดีดอทคอม :: ฟังให้ดี ได้เกรด 4 ไปกว่าครึ่ง !; tags: การศึกษา,การฟัง,สมาธิ,สอบ,เทคนิค,เวิร์คฟังให้ดี ได้เกรด 4 ไปกว่าครึ่ง !

1.ให้ความสนใจกับเรื่องที่ฟัง

เราต้องสร้างความสนใจในเรื่องที่จะฟัง(ถึงแม้ว่าเรื่องนั้นมันจะไม่น่าสนใจ หรือน่าง่วงนอน) เพราะบางครั้งเรื่องที่อาจารย์พูด อาจเป็นจุดสำคํญของเนื้อหา ที่อาจเอาไปออกเป็นข้อสอบเก็บคะแนน หรืออาจจะเอามาถามตอนเราเผลอๆก็ได้นะคะ

2.เมื่อฟัง ก็ต้องฟังอย่างตั้งใจ และมีสมาธิ

เวลาอาจารย์กำลังพูดหรือธิบายอะไร ก็ต้องมีสมาธิอยู่ตรงนั้นนะคะ อย่าวอกแวกหรือจิตหลุด เกิดอาจารย์บอกแนวข้อสอบขึ้นมาแล้วไม่ได้ฟังจะเสียดายแย่ ถ้ารู้ตัวว่าจิตหลุด ให้รีบลอยกลับเข้าร่างค่ะ

3.จับใจความสำคัญของเรื่องที่ฟัง และคิดวิเคราะห์วิจารณ์เรื่องราวที่ฟัง

ต้องจับใจความให้ได้ว่า เรื่องที่ฟังเป็นเรื่องอะไร เกิดที่ไหน เรื่องเป็นอย่างไร ฯลฯ ส่วนการวิเคราะห์วิจารณ์เรื่องราวที่ฟัง คือ เรื่องมันเป็นอย่างไร อะไรเป็นสาเหตุ ผลเป็นอย่างไร เป็นต้น

วิธีง่ายๆที่พี่แนนนำมาบอกครั้งนี้ น่าจะช่วยให้ชาวเด็กดีเริ่ม ต้นการฟังได้อย่างถูกต้องนะคะ เพราะถ้าเราฟังได้อย่างถูกวิธีแล้ว ทีนี้ปัญหาเรื่องไม่เข้าหัว หรือลอยผ่านไป จำอะไรไม่ได้ ก็น่าจะลดลงนะคะ แล้วชาวเด็กดีมีวิธีการฟังอย่างไรที่ได้ผลและเวิร์คสุดๆ ลองมาบอกกันบ้างนะคะ ^^

10 วิธีปฏิบัติ..ไม่พลาดในการสอบ !!!

เด็กดีดอทคอม :: 10 วิธีปฏิบัติ..ไม่พลาดในการสอบ !!!; tags: เคล็ดลับ,เทคนิค,การสอบ,คะแนน,โจทย์,อัตนัย10 วิธีปฏิบัติ..ไม่พลาดในการสอบ !!!

กฎ 10 ข้ออันพึงประสงค์ในการสอบ

1.เวลาทำข้อสอบให้เขียนชื่อ-สกุล ชั้น ให้เรียบร้อย


2.ตรวจดูข้อสอบว่ามีครบทุกข้อหรือเปล่า (เช่น ข้อ1 ข้อ2 ข้อ4) ถ้าขาดหายไปให้รีบแจ้งอาจารย์ทันที


3.อ่านโจทย์อย่างน้อย 2 ครั้ง แล้วจึงตอบ (ตีโจทย์ให้เข้าใจก่อน)


4.ถ้าข้อไหนคิดไม่ออก ให้ข้ามไปทำข้อต่อไปทันที พอเสร็จจึงกลับมาทำข้อที่เหลือเพื่อไม่ให้เสียเวลา


5.ตรวจดูว่าเราใส่คำตอบตรงตามข้อหรือเปล่า ถ้าเป็นกระดาษคำตอบ ให้ตรวจว่าคำตอบตรงกับคำถามหรือเปล่า

เด็กดีดอทคอม :: 10 วิธีปฏิบัติ..ไม่พลาดในการสอบ !!!; tags: เคล็ดลับ,เทคนิค,การสอบ,คะแนน,โจทย์,อัตนัย10 วิธีปฏิบัติ..ไม่พลาดในการสอบ !!!


6.ถ้าใกล้หมดชั่วโมง ให้รีบตอบให้หมดทุกข้อ ห้ามเว้นไว้ เพราะบางทีอาจจะถูก แต่ถ้าเว้นไม่ก็ไม่มีโอกาสได้คะแนน


7.การอ่านทบทวนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากทำข้อสอบแล้วไม่ทบทวน จะมีโอกาสถูกแค่ 80%


8.เวลาอ่านหนังสือ ไม่ควรอ่านหลายวิชาพร้อมๆกัน เพราะอาจงงเวลาสอบได้


9.ความเป็นระเบียบเวลาทำข้อสอบอัตนัย (บรรยาย)เราต้องเขียนให้เป็นระเบียบเพื่อจะได้อ่านง่าย และมีโอกาสถูกเพิ่มขึ้นถึง 5%


10.วิธีสุดท้ายนี้ได้มาจากอาจารย์ คือ เวลาทำข้อสอบต้องมั่นใจให้ได้ 50% ขึ้นไป เช่น ข้อสอบ 100 ข้อ ต้องมั่นใจว่าถูกกว่า 50 ข้อ แค่นี้ก็ไม่ตกแล้ว

นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ "ความมั่นใจ"

อ่านหนังสือให้เวิร์ค มาจัดตารางเวลากัน !!

เด็กดีดอทคอม :: อ่านหนังสือให้เวิร์ค มาจัดตารางเวลากัน !!; tags: เคล็ดลับ, เนื้อหา, สอบ, วิชา, จด, ตาราง, อ่านอ่านหนังสือให้เวิร์ค มาจัดตารางเวลากัน !!


1. เลือกเวลาที่เหมาะสม
เวลาที่เหมาะสมหมายถึง เวลาที่เราอยากจะอ่านหนังสือ หรือว่างจากงานอื่น หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด ซึ่งเวลาของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน บางคนชอบอ่านตอนเช้า บางคนชอบอ่านตอนกลางคืนก่อนนอน บางคนชอบอ่านเวลากลางวัน แล้วแต่การจัดสรรเวลาของแต่ละคน ต้องเลือกดูเวลาที่เหมาะสมของตัวเอง และควรจัดเวลาอ่านหนังสือให้ได้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง

2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา
ขั้นตอนต่อมา คือ เลือกวิชาที่จะอ่าน มีหลักง่ายๆ คือ เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป ไม่แนะนำวิชาที่ยาก และเนื้อหาที่ไม่ชอบ เพราะจะทำให้เสียเวลาเปล่า การอ่านหนังสือควรอ่านให้ได้ตามที่เราวางแผนเอาไว้ วิธีการก็คือ List รายการหรือเนื้อหา บทที่จะอ่านให้หมด จากนั้นค่อยเลือกลำดับเนื้อหาว่าจะอ่านเรื่องใดก่อนหลัง แล้วค่อยลงมืออ่าน

3. ลงมือทำ
ข้อนี้สำคัญมาก คือ ต้องลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง และต้องจริงจัง

4. ตรวจสอบผลงาน
ผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ เมื่ออ่านแล้วก็ต้องจดบันทึกไว้ด้วย เพราะจะได้รู้ว่า อ่านไปถึงไหนแล้ว และได้เนื้อหาอะไรบ้าง การจดบันทึก ก็คือการทำโน้ตย่อนั่นเอง แล้วทำสรุปไว้เลยว่าอ่านอะไรไปแล้วบ้าง เก็บไว้ให้มากที่สุด จะได้เป็นผลงานของตัวเอง จะได้เก็บไว้อ่านเมื่อต้องการ หรืออ่านตอนใกล้สอบ