2553/03/15

สายพันธุ์ต่างๆ ของเสือโคร่ง

บนโลกของเรานี้ มีเสือโคร่งด้วยกัน 8 สายพันธุ์ แต่ได้สูญพันธุ์ไปแล้ว 3 สายพันธุ์ ตอนนี้ จึงเหลือเสือโคร่งบนโลกเพียง 5 สายพันธุ์ เท่านั้น โดยเสือโคร่งทั้งหมด 8 สายพันธุ์นั้น มีดังนี้

1.เสือโคร่งอินโดจีน (Indo-chinese Tiger)
พบเสือโคร่งชนิดนี้ได้ที่ประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้าน

2.เสือโคร่งเบงกอล (Bengal Tiger)
เป็นเสือโคร่งที่ยังหลงเหลืออยู่มากที่สุด พบเสือชนิดนี้ได้ที่ประเทศอินเดีย โดยเสือขาวที่เราเห็นกันตามสวนสัตว์ก็คือเสือโคร่งเบงกอลนี่เอง ซึ่งเสือขาวนั้นไม่ใช่เสือเผือก เพราะถ้าหากเป็นเสือเผือก จะไม่มีลายตามตัวเลย

3.เสือโคร่งจีนใต้ (South China Tiger)
เป็นเสือโคร่งที่เล็กที่สุด ปัจจุบันเหลือจำนวนน้อยมาก

4.เสือโคร่งไซบีเรีย (Siberian Tiger)
เป็นเสือโคร่งที่ใหญ่ที่สุด ใหญ่กว่าสิงโตเสียอีก อาศัยในเขตไซบีเรียที่หนาวเหน็บ จึงมีขนที่ยาวกว่าเสือโคร่งชนิดอื่น พบได้ที่ประเทศรัสเซียและทางตอนเหนือของประเทศจีน

5.เสือโคร่งสุมาตรา (Sumatran Tiger)
พบที่เกาะสุมาตรา เป็นเสือโคร่งที่ผมชอบลักษณะมากที่สุด ขนที่แก้มของมันยาวสวยดี

6.เสือโคร่งบาหลี (Bali Tiger)
พบที่เกาะบาหลี ปัจจุบันสูญพันธุ์ไปแล้ว
7.เสือโคร่งแคสเปียน (Caspian Tiger)
ปัจจุบันสูญพันธุ์ไปแล้วเช่นกัน
8.เสือโคร่งชวา (Javan Tiger)
นี่ก็สูญพันธุ์ไปแล้ว

เคล็ดลับ ..เลือกของว่างให้ดีต่อสุขภาพ

1.ของว่างกับ ของหวานต่างกันนะ
ของว่างควรจะมาพร้อมกับคุณค่าทางโภชนาการหลากหลาย ทำให้รู้สึกหนักท้องและให้พลังงาน เพื่อที่ว่าคุณจะได้ไม่ง่วงเหงาหาวนอนในช่วงบ่าย ส่วนของหวานก็คือของหวาน (เช่น โอรีโอ ช็อกโกแลต มันฝรั่งทอด ฯลฯ) ของเหล่านี้มักจะทำให้คุณมีความสุข อย่าตัดมันออกไปทั้งหมด เก็บไว้กินในโอกาสพิเศษหรือกำหนดไปเลยว่า "ฉันจะกินของหวานเฉพาะวันศุกร์เท่านั้น"

2.พอ แล้วกับกาเฟอีน
หากรู้ตัวว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่ติดกาเฟอีน จนถึงขนาดถ้าไม่ได้ดื่มแล้วจะปวดศีรษะ คุณสามารถค่อย ๆ เลิกได้ด้วยการบันทึกว่าคุณกินอะไรเข้าไปบ้างในช่วง 2-3 วัน ดูว่ากาเฟอีนมาจากไหน (ชา กาแฟ และน้ำอัดลม มักจะเป็นสาเหตุสำคัญ) และทุก 2-3 วันให้ลดปริมาณลง 10% ซึ่งถ้าคุณดื่มกาแฟมากกว่า 1 แก้วต่อวัน ให้ลองสลับกาแฟปกติกับดีแคฟและค่อย ๆ ลดปริมาณกาแฟปกติ

3.ไม่ใช่ ข้าวกลางวัน...แทนกันไม่ได้
ชาวออฟฟิศทั้งหลายต้องเข้าใจว่าของว่างไม่ใช่ตัวแทนมื้อหลัก ถ้าไม่อยากซื้อมาเก็บไว้ให้เปลืองเงินก็ลองทำข้าว เย็นเยอะ ๆ แล้วแบ่งเก็บไว้กินในวันพรุ่งนี้ เพื่อที่คุณจะได้แน่ใจว่า มื้อกลางวันของคุณมีคุณค่าทางโภชนาการ และอิ่มท้องพอที่คุณจะไม่หยิบของจุกจิกมากินต่อ

4.เลือก อาหารเคี้ยวเพลิน
เราไม่ได้หมายถึงมันฝรั่งทอด หรือเกี๊ยวกรอบ แต่เราพูดถึงของมีประโยชน์อย่าง แอปเปิ้ล แหล่งไฟเบอร์ชั้นดีซึ่งมีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและคอเลสเตอรอล สาลี่ ซึ่งอุดมด้วยวิตามินอี แคลเซียมและน้ำตาล ไม่มีไขมัน แก้ร้อนใน และท้องผูกได้ แถมยังช่วยขับลมในกระเพาะ ชมพู่ มีวิตามินซี เอ ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมอยู่มาก ดับกระหายดีนัก ฯลฯ

นอกจากนี้ ตามตลาดนัดมักจะมีถั่วลิสงมาเร่ขาย ลองซื้อมากินเล่นจะพบว่าได้โปรตีนและคาร์โบไฮเดรตมากมาย...

5.อย่า กินซีเรียลที่เปลี่ยนสีผมได้
ของว่างชนิดนี้ดูไม่มีพิษภัย เพราะข้างกล่องมักจะมีรายการสารอาหารยาวเหยียด แต่ซีเรียล ที่ทำให้สีผมเปลี่ยนไปจะผ่านกระบวนการมานับไม่ถ้วน เต็มไปด้วยคาร์โบไฮเดรตแปรรูปและสารเคมีปรุงแต่งมากมาย

6.บอกลาส่วน ผสมมากมายและที่ไม่รู้จัก
หากพลิกดูฉลากบรรจุภัณฑ์แล้วพบส่วนผสมมากมาย หรือมีแต่ส่วนผสมที่คุณไม่เคยได้ยินชื่อ เช่น Ethoxylated Diglycerides, Xanthan Gum, Calcium Propionate ฯลฯ (อะไรกันเนี่ย!) เก็บกลับไปที่ชั้นเถอะ สารเคมีเหล่านี้ได้รับการผลิตมา เพื่อให้อาหารมีอายุนานขึ้น ดูสดใหม่อยู่ตลอดเวลา และดูน่ากินกว่าความเป็นจริงอีกด้วย อนึ่ง สารเคมีหลายชนิด อาจไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่มีหลายชนิดที่เราพึ่งเริ่มกินไม่นานมานี้ หลีกเลี่ยงเสียจะดีกว่านะคะ

7.กิน แต่ของที่เน่าได้
ยิ่งอาหารที่กินนั้นผ่านกระบวนการมามากเท่าใด มันก็มักจะมีอายุขัยนาแต่คุณค่าต่ำมากเท่านั้น ซึ่งอาหารที่แท้จริงนั้น "มีชีวิต" สักวันหนึ่งมันก็ต้องเน่าเสียไป (ยกเว้นน้ำผึ้ง ถ้าหากเก็บให้มิดชิด พ้นจากแสงแดดและความร้อน อาจอยู่ได้เป็นศตวรรษเลยทีเดียว)

8.เลือก ของที่ผ่านการย่อยมาแล้ว
อาหารเหล่านี้จะย่อยง่าย เช่น โยเกิร์ต ซึ่งผ่านการย่อยจากจุลินทรีย์ต่าง ๆ มาแล้ว ช่วยเพิ่มจำนวนแบคทีเรียที่มีประโยชน์ภายในลำไส้ หรือน้ำผึ้ง ยาขนานเอกที่มีสารอาหารมากมาย โดยเฉพาะวิตามินเอ บี2 บี6 ซี อี ดี เค โปรตีน เกลือแร่ น้ำตาลกลูโคส ฟรักดตส และซูโครส ราดลงบนขนมปัง โฮลวีต แล้วจะรู้ว่า "หวานเป็นยา" เหมือนกันนะ

9.นาน ๆ ครั้งก็แหกกฎบ้าง
หากยึดถือกฎเรื่องอาหารมากเกินไป คุณจะไม่มีความสุข (ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพได้) ในโอกาสพิเศษ คุณก็ต้องอยากจะโยน "ระเบียบวิธีในการกินให้มีสุขภาพดี" ทิ้ง ไป ไม่เป็นไรค่ะ เพราะสิ่งสำคัญไม่ใช่การกินอาหารในโอกาสพิเศษ แต่เป็นเรื่องของชีวิตประจำวันต่างหาก ถ้าเราไม่เดินทางสายกลางก็อาจจะตกไหล่ทางได้นะ

2553/03/02

อลาสก้า ดินแดนแห่งขั้วโลกเหนือ

อลาสก้า (Alaska) รัฐที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศสหรัฐอเมริกากัน รัฐอลาสก้ามีเนื้อที่กว้างใหญ่ และยังเป็นธรรมชาติอยู่มาก เนื้อที่ส่วนใหญ่ยังไม่มีถนนเข้าถึง บางที่ต้องนั่งเรือไป บางที่ต้องนั่งเครื่องบินหรือเฮลิคอปเตอร์ไป ทำให้สัตว์โลกที่หาชมได้ยากสามารถใช้เป็นที่พำนักอาศัยได้อย่างไม่ต้องกลัวการรบกวนจากมนุษย์ผู้บุกรุก

รัฐอลาสก้าเป็นรัฐที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นรัฐที่ 49 ไม่มีอาณาเขตติดกับรัฐอื่น ๆ อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาเหนือ สหรัฐอเมริกาซื้อดินแดนที่เป็นรัฐอลาสก้ามาจากประเทศรัสเซียเมื่อวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 1867


สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอลาสก้าคือยอดเขาที่สูงที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือชื่อยอดเขาแมกคินลีย์ (Mount McKinley) หรืออีกชื่อว่าดีนาลิ (Denali) สูงถึง 20,320 ฟุตหรือ 6,194 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล อยู่ในอุทยานแห่งชาติดินาลี (Denali National Park) ซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด

สัตว์เจ้าถิ่น หมีกริซลี (grizzly bear) หรือหมีสีน้ำตาล (brown bear) เห็นน่ารักแบบนี้ อยู่ให้ไกลเลยนะครับ ดุร้ายมาก

เมืองหลวงของรัฐอลาสก้ามีชื่อว่าเมืองจูโน (Juneau) เป็นเมืองที่ไม่มีถนนเชื่อมกับเมืองอื่น ๆ จะขับรถไปเมืองนี้ ต้องเอารถใส่เรือบรรทุกไป หรือว่าจะนั่งเรือสำราญล่องไปเรื่อย ๆ ก็ย่อมได้

แต่เมืองที่ใหญ่ที่สุดและมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น ที่สุดคือเมืองแองเคอเรจ (Anchorage) เป็นเมืองท่าสำคัญ มีสนามบินนานาชาติขึ้นลงที่เมืองนี้ มีฉากหลังเป็นภูเขาปกคลุมด้วยหิมะ สวยงามมาก

จากเมืองแองเคอเรจ สามารถขับรถไปเที่ยวธรรมชาติที่สวยงามเลียบชายฝั่งได้ จะเห็นฟยอร์ดและธารน้ำแข็งสวยงามมากมาย รูปนี้จะเห็นธารน้ำแข็ง (glacier) สามอันเรียงกัน

อุทยานแห่งชาติคีนายฟยอร์ด รถเข้าไม่ถึงครับ ต้องไปทางเรือ ล่อง cruise ไปตามฟยอร์ดสวย ๆ

Portage Glacier อยู่ไม่ไกลนักจากเมืองแองเคอเรจ เห็นธารน้ำแข็งที่ไหลลงน้ำที่อลาสก้ามีธารน้ำแข็งที่เรียกว่าเกลเชียร์มากมาย ที่เห็นนี้คือเกลเชียร์เบย์ (Glacier Bay) เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติขององค์การยูเนสโก้ด้วย





อีกรูปสำหรับธารน้ำแข็งที่อุทยานแห่งชาติแรงเกล-เซนต์อีเลียส (Wrangell-St.Elias National Park and Preserve)

เศรษฐกิจหลักของอลาสก้าได้มาจากการขุดเจาะน้ำมันทางตอนบนที่ติดทะเลอาร์กติก มีท่อลำเลียงน้ำมันมายังท่าเรือทางตอนใต้ของทวีปเพื่อใส่เรือไปยังอีก 48 รัฐ

ท่อลำเลียงนี้พาดผ่านเป็นระยะทางยาวกว่า 1300 กิโลเมตรจากเหนือที่เมือง Prudhoe Bay จรดใต้ที่เมือง Valdez ลองดูรูปจากแผนที่ข้างล่างนะครับ ไม่รู้รัสเซียจะเสียใจหรือเปล่าที่ขายดินแดนแห่งนี้ในราคาถูก ๆ ให้อเมริกา แล้วมาค้นพบน้ำมันในภายหลัง


เนื่องจากอลาสก้ายังไม่ค่อยมีผู้คนอาศัยนอกจากตามเมืองใหญ่ ๆ ฉะนั้นธรรมชาติยังอุดมสมบูรณเต็มไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด ทำให้นึกว่าสมัยก่อนที่มนุษย์ยังไม่ได้สร้างบ้านเรือนจนแน่นขนัดเหมือนทุกวันนี้ โลกนี้คงเต็มไปด้วยสัตว์ที่หากินอย่างอิสระ อย่างเจ้ากวางมูส (moose) ตัวนี้ที่หากินตามหนองน้ำ

มาถิ่นขั้วโลกเหนือนึกถึงอะไรครับ นึกถึงซานตาคลอสหรือเปล่า พาหนะของซานตาคลอสคือกวางเรนเดียร์ หรือที่รู้จักอีกชื่อว่า แคลิบู (Calibou)


กวางแคลิบูชอบอยู่กันเป็นฝูง มีเขาสวยงามมาก

สัตว์เจ้าถิ่นของอลาสก้าคือหมีกริซลี่ ที่อลาสก้ามีหมีสามชนิดคือหมีดำ หมีน้ำตาลหรือหมีกริซลี่ และหมีขาวหรือหมีโพลาร์

อาหารโปรดของมัีนคือปลาแซลมอน หมีกริซลี่พวกนี้จะไปดักปลาแซลมอนที่กระโดดข้ามแก่งน้ำเพื่อขึ้นไปวางไข่ คงมีปลาแซลมอนจำนวนมาก ถึงเป็นอาหารของหมีบ้างก็คงยังเหลือรอดไปวางไข่อีกเยอะ

พุดถึงขั้วโลกเหนือ คนมักจะนึกถึงหมีขั้วโลกหรือหมีขาว (polar bear) แต่หมีชนิดนี้จะอาศัยอยู่ทางเหนือสุดของรัฐเท่านั้น เพราะอากาศที่อื่นอุ่นเกินไปสำหรับหมีขั้วโลก

ควายประหลาดใกล้สูญพันธุ์ เหลืออีกไม่กี่ตัวในโลก ชื่อมัสกอกซ์ (muskox) ที่อลาสก้า ทำฟาร์มให้มันอยู่เพื่ออนุรักษ์ไว้ไม่ให้สูญพันธุ์

ในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม และมีนาคม-เมษายน จะเห็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นเฉพาะบริเวณใกล้แถบขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ คือปรากฏการณ์แสงออโรร่่า (aurora borealis) หรือแสงเหนือ (northern lights) เป็นแสงมลังเมลืองที่พาดผ่านท้องฟ้าตอนค่ำ เกิดจากปรากฏการณ์สนามแม่เหล็กโลก รายละเอียดขอเชิญติดตามได้ที่นี่นะครับ

กรุงโรม-มิลาน อิตาลี

กรุงโรม เป็นเมืองหลวง และเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศอิตาลี โรมเป็นมหานครที่มีสีสันเฉพาะตัวคราคร่ำไปด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยว ซึ่งสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจแต่ละที่นั้นไม่ได้ตั้งอยู่ห่างกันมากนัก โดยแหล่งท่องเที่ยวหลักๆ จะตั้งอยู่กลางใจเมืองแทบทั้งสิ้น สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น อนุสาวรีย์กษัตริย์วิคเตอร์ เอมมานูเอล ที่ 2, สนามกีฬาโคลอสเซียม (Colosseum)

โคลอสเซียม (Colosseum) เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เป็นอัฒจรรย์ขนาดใหญ่เป็นรูปวงรี สูงถึง 4 ชั้น และสามารถจุคนได้ถึง 50,000 คน

บันไดสเปน (The Spanish Steps) เป็นบันไดที่มีความกว้างและยาวที่สุดในยุโรป ที่แห่งนี้ถูกเรียกชื่อตามสถานฑูตสเปน ซึ่งตั้งอยู่ ณ บริเวณนั้น เป็นแหล่งชุมนุมของหนุ่มสาว

น้ำพุรูปเรือโบราณ ออกแบบโดย แบร์นินี่ ศิลปินบาโรคผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ที่ออกแบบจตุรัสเซนต์ปีเตอร์ ในรัสวาติกันด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามและความใหญ่โตนั่นเอง จึงเป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยือน

น้ำพุเทรวี่ (The Trevi Fountain) น้ำพุชิ้นเอกของแบร์นินี่ หัวใจของจตุรัส navona และจตุรัสนี้ก็ถือเป็นหัวใจของชาวกรุงโรม เป็นศูนย์กลาง และแหล่งชุมนุมของผู้คนมาทุกยุคสมัย ตามธรรมเนียมแล้วนักท่องเที่ยวที่มาชมน้ำพุเทรวี่แห่งนี้ ควรจะโยนเหรียญ 1 เหรียญลงไปในสระ โดยมีความเชื่อกันว่า หากโยนเหรียญลงไปแล้ว จะได้กลับมาเยือนกรุงโรมอีกครั้งหนึ่ง

2553/03/01

บ้านมนุษย์หิน
แม้เทคโนโลยีทุกวันนี้จะก้าวไกลเจริญสุดกู่แค่ไหน แต่ก็ยังมีมนุษย์บางคนพอใจใช้ชีวิตแบบดึกดำบรรพ์
เหมือนกับเจ้าของ "บ้านหิน" แปลกประหลาด ที่ตั้งโด่อยู่บนภูเขาในเมืองฟาฟเฟ แดนโปรตุเกส
ตัวบ้านทำจากหินล้วนๆ แล้วต่อเติมประตู หน้าต่าง หลังคา เข้าไปนิดหน่อยให้พออยู่ได้
สื่อพากันขนานนามว่าเป็น "บ้านมนุษย์หินฟลินต์สโตน" เพราะดูตัวบ้านแล้วราวกับหลุดออกมาจากการ์ตูนเรื่องนี้จั๊ดๆ! : เอิ๊กอ๊ากอินเตอร์

แครอตมือ
นาย ปีเตอร์ แจ๊กสัน อายุ 66 ปี ในหมู่บ้านคอนโดเวอร์ เมืองชร็อปไชร์ ในอังกฤษ ตื่นเช้าไปขุดแครอตในสวน ถึงกับปล่อยก๊ากที่เห็นว่าแครอตรูปร่างเหมือนมือคน เป๊ะจึงรีบเอาไปให้ ลินด์เซย์ ลูกสาววัย 42 ปี
จากนั้นพ่อลูกก็นั่งขำแล้วก็จัดการถ่ายรูปไว้ ก่อนจะจัดแจงหั่นแครอตหน้าตาประหลาดมาทำกับข้าวแล้วหม่ำกันทั้งบ้าน แหม..ถ้ามาโผล่เมืองไทยละก็จะไหว้ขอเลขเด็ดงวดหน้าซ้านิดนึง..กร๊ากก : เอิ๊กอ๊ากอินเตอร์

สะพานง่อย
ชาว บ้านในเมืองเหอเฝ่ย มณฑลอันฮุย ฝั่งตะวันออกของจีน เฝ้าดูการระเบิดสะพานทิ้ง รัฐบาลจีนเห็นว่าผู้รับเหมาสร้างสะพานหลายแห่งโลภมาก กินงบประมาณจนทำให้โครงสร้างไม่ได้มาตรฐาน ต้องทำลายทิ้งเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ เมื่อ 20 ก.ย. (เอเอฟพี)

ผ่าพลาสติกติดปอด 2 ปี
วัน ที่ 18 ก.ย. เอพีรายงานว่า ดร.โมเมน วาฮีดี ผู้อำนวยการคณะแพทย์ของศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยดยุก รัฐนอร์ท แคโร ไลนา สหรัฐ ผ่าตัดเอาเศษพลาสติกขนาด 1 นิ้วที่ติดอยู่ในปอดชายวัย 50 ปี ออกมาได้สำเร็จ หลังจากที่ชายคนนี้สูดหายใจเอาชิ้นส่วนพลาสติกเข้าไปโดยไม่รู้ตัวเมื่อเกือบ 2 ปีก่อนขณะดื่มในร้านเวนดี้ จากนั้นก็ไอไม่หยุด อ่อนเพลียและปอดบวมมาตลอด ไปพบหมอมาแล้วหลายคน กระทั่งได้รับการวินิจฉัยว่ามีชิ้นส่วนแปลกปลอมในปอดข้างซ้าย


ทรงผมรักชาติ
อา ตี๋ชาวเมืองเสิ่นโจวบังเกิดอารมณ์ร่วม อยากฉลองครบ 60 ปีก่อตั้งสาธารณรัฐคอมมิวนิสต์จีน 1 ตุลาคมนี้ให้ถึงใจ ว่าจ้าง "ช่างตัดผม" ช่วยบรรจงตัด-แต่ง-ไถ-โกนผมบนหัวให้ออกมาเป็นรูปพระราชวังต้องห้าม บริเวณจัตุรัสเทียนอันเหมิน

ซึ่งตรงประตูทางเข้าแขวนภาพ "ประธานเหมา" เห็นเด่นเป็นสง่า พร้อมปัก "ธงชาติจีน" ประดับประดาลงกลางกบาล..เอ๊ย..ศีรษะอีกต่างหาก

สงสัยตะแกคงกลัวชาวบ้านไม่รู้ว่า "อั๊วรักชาติจริงๆ นะเฟร้ยยย"


จอมขุด

ตัวบิลบี้ซึ่งเป็นสัตว์นักขุดออกหากินกลางคืนของออสเตรเลีย นอนเอาคางเกยตักเจ้าของที่อุทยานสัตว์ป่าซิดนีย์ ออสเตรเลีย มีถุงหน้าท้อง และกรงเล็บใหญ่ เป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลอีสเตอร์ของชาวออสเตรเลีย และเป็นสัตว์ที่เสี่ยงสูญพันธุ์มากที่สุดของประเทศด้วย ถึงขั้นมีวันบิลบี้แห่งชาติเป็นของตัวเอง ฉลองกันในวันที่ 13 ก.ย. (ภาพ-เอเอฟพี)


ฮือฮาแอปเปิ้ลฝั่งละสี แดง-เขียวในลูกเดียว
ที่อังกฤษ เมื่อ 24 ก.ย. เดลี่เมล์ รายงานข่าวแปลกพิสดารในอังกฤษ เมื่อพบแอปเปิ้ล 2 สี คือสีเขียวและสีแดง ในลูกเดียว โดยแบ่งข้างละสี ตรงกึ่งกลางลูกพอดิบพอดี

แอปเปิ้ลลูกดังกล่าว พันธุ์โกลเด้น ดีลิเชียส เป็นของนายเคน มอร์ริช ชาวอังกฤษ ที่พบในสวนของตนเอง ทีแรกนึกว่ามีใครมือบอนไปทาสีแดงอยู่ครึ่งลูก แต่เมื่อหยิบมาดูใกล้ๆ ถึงได้เห็นว่า เป็นสีจริงตามธรรมชาติ ขณะที่เพื่อนบ้านบอกเรื่องแปลกนี้ต่อๆ กันไป จนคนในหมู่บ้านแห่มาดู และถึงกับเข้าคิวขอถ่ายรูป ด้านผู้วชาญด้านการเพาะปลูก กล่าวว่า โอกาสที่จะมีแอปเปิ้ลที่สีแบ่งครึ่งพอดีได้แบบลูกนี้เป็นไปได้เพียง “หนึ่งในล้าน” เท่านั้น น่าจะมีสาเหตุมาจากการกลายพันธุ์ของยีน

นายมอร์ริช อายุ 72 ปี ซึ่งเคยเป็นช่างทาสีและช่างตกแต่งแต่ตอนนี้เกษียณแล้ว อาศัยอยู่ในเมืองโคเลตัน ราลีห์ แคว้นเดวอน กล่าวว่า จะเก็บแอปเปิ้ลลูกนี้ไว้ ไม่กิน


แดนสวย

สเตฟาเนีย เฟอร์นันเดซ มิสยูนิเวิร์ส 2009 มอบตำแหน่งและมงกุฎให้มาเรลิซ่า กิบสัน ผู้ชนะการประกวดมิสเวเนซุเอลาคนใหม่ หลังจากนางงามเวเนฯ ครองตำแหน่งนางงามจักรวาลมาแล้ว 2 สมัยซ้อน เมื่อ 25 ก.ย.


สายน้ำอะเมซอน
องค์การนาซ่าเผยภาพมุมสูงของทะเลสาบเออเรเปชู ความยาว 38.5 กิโลเมตร ในบราซิลที่ทอดตัวยาวขนานกับแม่น้ำริโอ ทร็อมเบตาส ที่พื้นที่ลาดลุ่มกว่าและคดเคี้ยวเหมือนงู ซึ่งมนุษย์อวกาศเก็บภาพไว้ได้ โดยบรรดารูปร่างลักษณะแม่น้ำในป่าฝนลุ่มน้ำอะเมซอนนั้นมืดครึ้มยากแก่การแยก แยะ อย่างทะเลสาบและแม่น้ำที่เห็นโดดเด่นออกมาจากกลุ่มป่าสีเขียวผืนใหญ่ได้ก็ เพราะผิวน้ำสะท้อนแสงแดด (ภาพ-เอพี)


ไอด้าวีต้า
เรือเดินสมุทรตระกูล "ไอด้า" ลำนี้ชื่อ "ไอด้าวีต้า" จอดทอดสมออยู่นอกชายฝั่งเมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส มุ่งเป้าหมายให้บริการผู้โดยสารที่ชื่นชอบความกระชุ่ม กระชวยและวิถีชีวิตที่รักษาสุขภาพ แต่หรูระยับบนเรือลำยักษ์ เป็นของอู่ต่อเรือเอเกอร์ เอ็มทีดับเบิลยู สัญชาติเยอรมนี สร้างขึ้นเมื่อปี 2545 (ภาพ-เอเอฟพี)

ตั้งค่าหัว จับคนใจร้าย แกล้งแมว
ตั้ง 3 หมื่นล่ามือแกล้งแมว

วันที่ 24 ก.ย. เอพีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งรัฐเพนซิล วาเนีย ในเมืองฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา ตั้งเงินรางวัล 1,000 ดอลลาร์ หรือราว 33,500 บาทให้กับผู้แจ้งเบาะแสคนใจร้าย แกล้งพันเทปกาวทั่วตัวแมวเหมือนมัมมี่ ตั้งแต่คอไปจนจรดขาสี่ข้างแล้วเอาไปปล่อยทิ้งในสวนสาธารณะ โชคดีที่มีผู้หญิงคนหนึ่งไปพบเข้าและแจ้งเจ้าหน้าที่ สัตวแพทย์ช่วยแกะเทปออกให้และแมวมีท่าทีมีความสุขขึ้น ส่งเสียงคราง และเริ่มไม่กลัวคนอุ้ม โดยลายขนสีขาวดำเริ่มขึ้นมาเหมือนเดิมแล้ว เจ้าหน้าที่ตั้งชื่อให้ว่าเจ้าสติ๊กกี้ แปลว่า เหนียวหนึบ


ตี๋เล่นซ่อนแอบหัวติดซอก

ซีซีทีวีของจีนราย งานวันที่ 24 ก.ย. หน่วยกู้ภัยในเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวนของจีน เข้าช่วยเหลือเด็กชายเคราะห์ร้ายวัย 3 ปี ที่ศีรษะติดอยู่ในซอกเสาคอนกรีตของอาคาร โดยเหตุเกิดเนื่องจากเด็กชายเล่นซ่อนแอบกับเพื่อนๆ แล้วพยายามมุดเข้าไปในซอกเสา หวังใช้เป็นที่ซ่อนตัว แต่ศีรษะเกิดติดค้าง เอาออกไม่ได้ เจ้าหน้าที่ต้องใช้สิ่ว เข็มขัดพลาสติก น้ำมันหล่อลื่นและเลื่อยไฟฟ้าในการช่วยนำศีรษะเด็กออกมาได้จนสำเร็จ


แก้วสยอง
ใกล้เดือนแห่งเทศกาลวันปล่อยผี "ฮัลโลวีน" ตุลาคมนี้เข้ามาทุกขณะ
บริษัทออกแบบขี้เล่น "เมกาวิงก์" ในแดนปลาดิบ เลยส่ง "แก้วน้ำ" เขย่าขวัญชวน แหวะมาวางตลาด
ตรงขอบแก้วปั้นเป็นรูปทรงเหมือน "ฟัน" จากซากศพเรียงเป็นซี่ห่างๆ ดูแล้วน่าขนลุกขนพองสุดๆ
ขายผ่านเว็บญี่ปุ่น mollaspace.com ราคาใบละ 840 บาท เหมาะใช้เป็นแก้วประจำตัวคนไม่กลัวผี...กุ๊กๆ กู๋!




รักษาผิวหนัง มนุษย์ปะการัง ได้แล้ว
เด อะมิเรอร์รายงานวันที่ 23 ก.ย. เปิดตัวหนุ่มจีน ชื่อนายหลิน เถียนจวน อายุ 38 ปี มีฉายาว่า "มนุษย์ปะการัง" จากอาการผิดปกติทางผิวหนัง คล้ายกับนายเดเด ชาวอินโดนีเซียที่มีฉายาว่า "มนุษย์ต้นไม้" แต่ตอนนี้นายหลินรักษาหายแล้ว กลับไปใช้ชีวิตที่เมืองชุ่ยเหมิน ทางใต้ของจีน โดยนายหลินเล่าว่า เมื่อตอนอายุ 13 ปี เห็นผิวหนังเป็นตุ่มที่ขาและแขนก่อน จากนั้นก็เริ่มหนาเป็นทรงรูปหอย และขยายลามไปทั่วแขนและขา อาการหนักขึ้นเรื่อยๆ จนงอแขนงอขาไม่ได้ เวลาจะออกจากบ้านต้องใช้ผ้าห่มคลุมทั่วตัว เพราะชาวบ้านเห็นเข้าก็หวีดร้อง

ดร.หลิว หยิงหง รองประธานโรงพยาบาลป้องกันโรคผิวหนังฟุโจว ผู้รักษา กล่าวว่า ตกตะลึงกันมากตอนเห็นคนไข้ครั้งแรก แต่เมื่อบำบัดรักษานาน 1 ปี นายหลินหายจากอาการดังกล่าว

ตะลึง!ทารกอินโดฯอุแว้ 8.7ก.ก.
อุแว้ สถิติ- ทารกอินโดนีเซีย เพศชาย เกิดที่โรงพยาบาลในเมืองเมดาน ทางเหนือของเกาะสุมาตรา ตัวใหญ่มากเมื่อเทียบกับทารกทั่วไปข้างๆ หนูน้อยมีน้ำหนักแรกเกิดสูงที่สุดเท่าที่การมีการบันทึกในอินโดนีเซีย 8.7 กิโลกรัม ลำตัวยาว 62 เซนติเมตร เมื่อ 23 ก.ย. (เอเอฟพี)
วันที่ 23 ก.ย. เอเอฟพีรายงานเรื่องฮือฮาที่เกิดขึ้นในอินโดนีเซีย กรณีที่หญิงวัย 41 ปี ให้กำเนิดทารกเพศชายที่มีน้ำหนักตัวมากถึง 8.7 กิโลกรัม ถือเป็นทารกที่มีน้ำหนักมากที่สุดในประวัติศาสตร์การแพทย์ของประเทศ โดยทารกร่างยักษ์มีสุขภาพแข็งแรงดี กินเก่งมาก แม้ว่าตอนนี้แพทย์ต้องให้ออกซิเจนเพื่อแก้ปัญหาด้านการหายใจ

นายบินซาร์ สีตังกัง นรีแพทย์โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดสุมาตราเหนือ หนึ่งในทีมทำคลอด กล่าวว่า ทารกเพศชายเจ้าของน้ำหนักตัวมหาศาล มีลำตัวยาว 62 เซนติเมตร คลอดออกมาด้วยวิธีผ่าคลอด เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา


" การที่ทารกมีน้ำหนักมากอย่างนี้ทำให้การผ่าตัดทำได้ยากลำบาก โดยเฉพาะขั้นตอนที่นำตัวทารกออกมาจากช่องท้องของมารดา เพราะขาทั้งสองข้างของทารกใหญ่มาก แต่ขณะนี้ทารกสุขภาพแข็งแรงดี กินอาหารเก่งมาก ให้อาหารตลอดก็กินได้ตลอดเวลา และด้วยความที่เป็นทารกตัวใหญ่พิเศษ เวลาร้องไห้ก็จะไม่เหมือนเด็กทั่วไป เสียงจะดังมาก" นรีแพทย์กล่าวและว่า การที่ทารกมีขนาดตัวใหญ่มหึมาอาจเป็นผลจากการที่มารดา คือ นางอานี มีอาการเบาหวาน

ข้อมูลจากวิทยาลัยสูติแพทย์และนรีเวชวิทยาแห่งอเมริกา ระบุว่า เมื่อระดับน้ำตาลในตัวหญิงตั้งครรภ์ที่ป่วยเป็นเบาหวานพุ่งสูงขึ้น ทารกจะได้รับน้ำตาลปริมาณมากจากแม่และเจริญเติบโตจนมีขนาดใหญ่เกินปกติ

นางอานีถูกนำตัวมาโรงพยาบาลโดยกะทันหันเพราะมีอาการโรคแทรกซ้อนระหว่าง ตั้งครรภ์ และอายุครรภ์ครบ 9 เดือนพอดี โดยทารกคนนี้เป็นลูกคนที่ 4 และเป็นลูกเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ใช้วิธีคลอดตามธรรมชาติให้หมอตำแยทำคลอด เหมือนลูกคนก่อนๆ โดยทารกที่มีน้ำหนักมากที่สุดคนก่อนของอินโดนีเซีย มีน้ำหนัก 6.9 กิโลกรัม เกิดเมื่อปี 2550 ชานกรุงจาการ์ตา

17 สถานที่แปลก ๆ ที่ไม่คิดว่ามีในโลก

1. เดอะเวฟ (The Wave) ที่รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา

เดอะเวฟ คือ ภูเขาหินทรายที่ฟอร์มตัวในลักษณะคล้ายคลื่นลาดชัน เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 190 ล้านปีก่อนหรือในยุคจูราสสิก เนื่องจากพื้นที่แถบนี้มีความเปราะบางมาก ทางการจึงจำกัดให้เข้าชมได้เพียงวันละไม่เกิน 20 คน และต้องเดินเท้าเข้าไปเกือบ 5 ก.ม. จึงจะถึงดินแดนมหัศจรรย์แห่งนี้


2. Tessellated Pavement บนเกาะแทสเมเนีย (รัฐหนึ่งในประเทศออสเตรเลีย)

นี่คือภาพลานหินตะกอนบริเวณชายฝั่งที่ Eaglehawk Neck บนเกาะแทสมาเนีย ซึ่งถ้าหากมองเผินๆ จะแลดูคล้ายมีใครนำแผ่นกระเบื้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่มาวางเรียงรายริมทะเล (บริเวณขอบสี่เหลี่ยมที่เราเห็นเป็นแนวเส้นตรงนั้น เกิดจากแรงตึงเครียดของผิวโลก ผนวกกับการกัดเซาะอย่างต่อเนื่องของคลื่นและแรงเสียดสีของทราย)


3. หินรูปทรงประหลาด ในทะเลทรายขาว (White Desert) ประเทศอียิปต์

ทะเลทรายแห่งนี้ตั้งอยู่ใน Farafra Oasis มีลักษณะเป็นสีขาวและครีม ประกอบด้วยกลุ่มหินชอล์ครูปทรงประหลาดขนาดใหญ่มากมาย อันเป็นผลงานของพายุทรายที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว


4. บ่อน้ำพุร้อนสีเลือด (Blood Pond Hot Spring) ที่เบปปุ ประเทศญี่ปุ่น

น้ำพุร้อนสีเลือด (Chinoike Jigoku) เป็นหนึ่งในบ่อน้ำพุร้อนชื่อดังของเมืองเบปปุ ในจังหวัดโออิตะ บนเกาะคิวชู สาเหตุที่น้ำพุมีสีเลือดเนื่องจากมีธาตุเหล็กอยู่ในปริมาณมากนั่นเอง


5. Giant's Causeway ที่ไอร์แลนด์เหนือ

Giant's Causeway เป็นชายฝั่งที่เกิดจากการเย็นตัวของหินภูเขาไฟเมื่อประมาณ 50,000 ถึง 60,000 ปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดหินรูปหกเหลี่ยมและหินแท่งสี่เหลี่ยมกว่า 40,000 แท่ง องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียน Giant´s Causeway เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529)


6. ทะเลเกลือ (salt flats) ที่ Salar de Uyuni ประเทศโบลิเวีย

จริงๆ แล้วที่ราบเกลือหรือทะเลเกลือลักษณะนี้มีอยู่หลายแห่งด้วยกัน แต่ทะเลเกลือที่ Salar de Uyuni ของประเทศโบลิเวียนั้น มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลมากถึง 10,582 ตารางกิโลเมตร


7. ป่าหิน (Stone Forest) เมืองคุนหมิง มลฑลยูนาน ประเทศจีน

อุทยานป่าหิน (Shilin National Park) ในเมืองคุนหมิง จัดเป็นป่าหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีพื้นที่มากถึง 350 ตารางกิโลเมตร แต่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเพียง 12 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น เดิมทีหินปูนเหล่านี้อยู่ใต้ผิวโลก แต่ภายหลังได้ถูกดันขึ้นมาในลักษณะเดียวกับหินงอก เชื่อกันว่าป่าหินแห่งนี้มีอายุราว 270 ล้านปีเลยทีเดียว


8. ธารน้ำแข็ง Taylor ใน McMurdo Dry Valleys ที่แอนตาร์คติกา (ขั้วโลกใต้)

ธารน้ำแข็งอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ มีพื้นที่ส่วนหนึ่งที่โดดเด่นเป็นสีแดงส้ม ตัดกับน้ำแข็งส่วนอื่นๆ ซึ่งมีสีขาวโพลน เนื่องจากพื้นที่แถบนั้นเต็มไปด้วยออกไซด์ของเหล็ก (iron oxide) ซึ่งก็คือ "สนิม" นั่นเอง ด้วยเหตุนี้บริเวณดังกล่าวจึงได้รับการขนานนามตามลักษณะทางกายภาพว่า "น้ำตกเลือด" (Blood Falls)


9. ทะเลสาบสปอท เลค (Spotted Lake) – ประเทศแคนาดา

“สปอท เลค” ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่มีแร่ธาตุชนิดต่างๆ อาทิ แมกนีเซียม ซัลเฟต, แคลเซียม และโซเดียม ซัลเฟต ในปริมาณเข้มข้นมากที่สุดในโลก แต่น่าเสียดายที่ทะเลสาบแห่งนี้อยู่ในที่ดินของเอกชน นักท่องเที่ยวจึงทำได้แค่มองจากราวรั้วกั้นริมถนนเท่านั้น (ส่วนที่เป็นจุดๆ คือน้ำ นอกนั้นเป็นส่วนของแร่ธาตุนานาชนิด ที่สามารถลงไปเดินสำรวจได้)


10. ทะเลทรายแบล็ค ร็อค (Black Rock Desert) ที่รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา

ทะเลทรายแบล็คร็อค คือ ก้นทะเลสาบที่แห้งสนิท ครั้งหนึ่งดินแดนแถบนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของทะเลสาบในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ที่มีชื่อว่า "Lahontan" ซึ่งปรากฏอยู่ในสมัย 18,000-7,000 พันปีก่อนคริสตกาล ในช่วงที่ทะเลสาบโบราณแห่งนี้มีระดับน้ำสูงสุด (เมื่อประมาณ 12,700 ปีก่อน) ทะเลทรายแบล็คร็อคเคยอยู่ใต้น้ำที่มีความลึกถึง 150 เมตรเลยทีเดียว


11. ถ้ำคริสตัล (Crystal Cave) ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

ถ้ำคริสตัล เป็น 1 ใน 240 ถ้ำ (ที่ถูกค้นพบ) ภายในอุทยานแห่งชาติ Sequoia ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ถ้ำดังกล่าวเป็นถ้ำ "หินอ่อน" ธรรมชาติ ที่ภายในมีอุณหภูมิคงที่ประมาณ 9 องศาเซลเซียส ซึ่งการจะเข้าไปชมภายในถ้ำต้องอาศัยไกด์ทัวร์เป็นผู้นำทางเท่านั้น


12. ทุ่งหินรูปรังผึ้ง Bungle Bungles ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลีย

ทุ่งหินทรายที่มีรูปทรงคล้ายรังผึ้ง หรือ Bungle Bungles นี้ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Purnululu ที่องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530) กลุ่มหินดังกล่าวประกอบด้วยหินทรายและหินกรวดมน ซึ่งเมื่อประมาณ 375-350 ล้านปีก่อนหินเหล่านี้เคยเป็นตะกอนในลุ่มน้ำ "Ord"


13. ภูเขาไฟ Redoubt ที่รัฐอลาสก้า สหรัฐอเมริกา

Redoubt เป็นภูเขาไฟมีพลัง (active volcano) อายุนับพันๆ ปี ที่ยังคงคุกรุ่นและเกิดการปะทุหรือระเบิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยครั้งล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา


14. ดินแดนโบราณ คัปปาโดเกีย ประเทศตุรกี

คัปปาโดเกีย ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ.1985 (พ.ศ. 2528) ดินแดนดังกล่าวมีภูมิประเทศที่แปลกตาซึ่งเกิดจากจากลาวาภูเขาไฟที่ไหลออก มาปกคลุมพื้นที่ เมื่อวันเวลาผ่านไป พายุ ลม ฝน ได้เป็นตัวแปรที่ก่อให้เกิดการแปรสภาพเป็นหุบเขา ร่องลึก เนินเขา กรวยหิน และเสารูปทรงต่างๆ ที่งดงาม บางส่วนมีประชาชนอาศัยอยู่ภายใน


15. ทะเล (สาป) เดือด Boiling Lake ประเทศโดมินิกา (Commonwealth of Dominica)

“Boiling Lake” เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก (รองจากทะเลสาป Frying Pan Lake ของประเทศนิวซีแลนด์) มีความกว้างราว 60 เมตร ลึก 59 เมตร อุณหภูมิริมทะเลสาปอยู่ที่ประมาณ 82 – 91.5 องศาเซลเซียส ระดับน้ำภายในทะเลสาปแห่งนี้มีลักษณะขึ้น-ลงตลอดเวลา โดยเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) น้ำในทะเลสาปแห่งนี้ได้แห้งเหือดหายไป และเพิ่งกลับมาอยู่ในระดับปกติอีกครั้งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา


16. แม่น้ำสีแดง (Rio Tinto) ที่ประเทศสเปน

บริเวณ พื้นที่ตามแนวชายฝั่งแม่น้ำ Río Tinto มีการทำเหมืองทองแดง เงิน ทอง และแร่ธาตุอื่นๆ มาตั้งแต่สมัยโบราณ (ราว 5 พันปีก่อน) ส่งผลให้น้ำในแม่น้ำดังกล่าวมีค่าความเป็นกรดสูงมาก ส่วนสาเหตุที่น้ำมีสีแดงก็เนื่องมาจากก้อนหินที่อยู่ในแม่น้ำแห่งนี้ประกอบ ด้วยธาตุเหล็กในปริมาณเข้มข้นนั่นเอง เหมืองในแถบนี้ถูกปิดมานานนับ 10 ปี แต่เนื่องจากทองแดงมีราคาสูงขึ้น เจ้าของเหมืองจึงมีแผนเปิดเหมืองทองแดงอีกครั้งในปีหน้า


17. หุบเขาโลกพระจันทร์ (Vale de Lua) ที่ประเทศบราซิล

หุบเขาโลกพระจันทร์ หรือ "the valley of the moon" เป็นที่ราบสูงโบราณที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1.8 พันล้านปี โดยพื้นที่ว่างระหว่างก้อนหินจะมีน้ำจากแม่น้ำ San Miguel แทรกอยู่ภายใน ดินแดนประหลาดแถบนี้เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Chapada dos Veadeiros ซึ่งองค์การยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) ที่ผ่านมา