2553/11/30

Protas มนุษย์แห่งจิตใจ

Protas หรือ พอล์ทัส คือกลุ่มคนกลุ่มนึง ที่มีแนวคิดที่ว่า
สิ่งที่เป็นตัวกำหนด ความรู้สึกนึกคิด ความสามารถ จิตนาการ ของมนุษย์มาจากจิตใจ
บางคนอาจจะสงสัยว่า จิตใจมันคืออะไร อยู่ตรงไหน มันคือหัวใจหรือเปล่า
งั้นมาลองอ่านตรงนี้กันดู
พอล์ทัสได้เปลียบเทียบไว้อย่างชัดเจนว่า
มนุษย์ที่มีจิตใจ กับไม่มีจิตใจเป็นเช่นไร
คนปกติ ทุกคนมีหัวใจ มีความรู้สึก
แล้วกับคนที่ไม่มีหัวใจละ แต่ใส่หัวใจเทียมไว้ ก็มีความรู้สึกเช่นกัน
เพราะฉนัน จิตใจคือสิ่งที่ไม่อาจจะมองเห็นได้ เพียงแต่อยู่จุดเดียวกับหัวใจเท่านั่นเอง

เลยนำไปสู่คำถามที่ว่า พอล์ทัสกับคนปกติแตกต่างกันอย่างไร

พอล์ทัส ก็คือคำเรียกของกลุ่มคนที่รู้สึกแปลก แตกต่างไปจากคนอื่น
ในเรื่องของ ความรู้สึก ความคิด และสังคมที่ตนมีชีวิตอยู่
2/7 ส่วนของคนที่เป็นพอล์ทัส มักมีสิ่งที่เรียกว่า ความบังเอิญ
คนพวกนี้จะเจอกับเรื่องบังเอิญอยู่บ่อยๆเช่น การเดามั่วแต่ถูก 95%-100%
มักรู้เรื่องเกี่ยวกับคนรอบข้างได้ก่อนเป็นเดือนๆ โดที่ตัวเองก็ไม่แน่ใจ
หรือมักเกิด เดจาวู กับตัวเองอยู่บ่อยครั่งแล้วแต่คนๆนั่น
ทำให้คนกลุ่มนี้ ไม่สามารถที่จะพูด หรือคุยเรื่องพวกนี้ได้กับคนทั้วๆไป
เพราะจะถูกว่า ด่า หรือใช้คำรุนแรงต่างๆจนทำให้รู้สึก แย่เอามากๆ
สิ่งนึงที่คนที่เป็นพอล์ทัสมีเหมือนกันนั่นก็คือ มุมมองในการเปนมนุษย์
คนกลุ่มนี้ รู้ดีถึงความรู้สึกคน ความคิด รวมไปถึงนิสัย
ถึงขันมีบางคนที่รับรู้ได้ถึง ความรู้สึกคนที่มอง โดยรับรู้ผ่านทางสายตา

แต่โดยรวมคนที่เป็นพอล์ทัส มักมีนิสัยคล้ายกัน
เช่น ความรักที่มีให้เพื่อนอย่างแท้จริง
การโอบอ้อมอาลีซึ้งกันและกัน มีน้ำใจกับคนแปลกหน้า
จนบางครั่งดูหน้าสงสัยจากคนปกติไปเลย
แต่พวกเขาก็มั่งถูก มองว่าไม่ดี หรือถุกว่าร้ายอยู่ตลอด
ทำให้เกิดเป็นปม และความเกียจชัง
ทำให้เกิดการแบ่งแยก ระหว่าง ตัวเองและคนปกติ

10 อันดับผลไม้ที่อุดมไปด้วย "วิตามินซี"

อันดับที่ 10 พุทราแอปเปิล

อันดับที่ 9 ส้มโอขาวแตงกวา

อันดับที่ 8 มะละกอแขกดำสุก

อันดับที่ 7 สตรอว์เบอร์รี่

อันดับที่ 6 ลูกพลับ

อันดับที่ 5 เงาะโรงเรียน

อันดับที่ 4 มะขามเทศ

อันดับที่ 3 มะขามป้อม

อันดับที่ 2 ฝรั่งไร้เมล็ด

อันดับที่ 1 ฝรั่งกลมสาลี่

2553/11/16

Lachine โบราณสถานแห่งชาติของประเทศแคนาดา

ยาวแค่ความฝัน, คลองจนกลายเป็นความจริงและได้ฟื้นฟูหลายครั้ง Here is a summary of the important dates and events that mark its history. นี่เป็นบทสรุปของวันสำคัญและเหตุการณ์ที่ประวัติศาสตร์ของเครื่องหมาย

The French Dream Dream ฝรั่งเศส
François Dollier de Casson François de Dollier Casson
© Collection François Daniel / Archives du Séminaire de Saint-Sulpice, Montréal © Collection François Daniel / Archives du Séminaire de Saint - Sulpice, Montreal The idea of a canal circumventing the Sault-Saint-Louis (Lachine Rapids) goes back to the very first years that followed the foundation of Ville-Marie (Montréal). ) ความคิด Rapids ของคลอง circumventing Sault - Saint - Louis (Lachine ไปกลับไปปีแรก ๆ ที่ตามมา) รากฐานของวิลล์ - Marie (มอนทรีออ In 1671, reverend François de Salignac de La Mothe-Fénelon stated the benefits that could be drawn from a canal between Montréal and Lachine. In 1671, น่าเคารพ François de Salignac de La Mothe - Fénelon ระบุผลประโยชน์ที่อาจจะมาจากคลองระหว่าง Montreal และ Lachine François Dollier de Casson, superior of the Séminaire de Saint-Sulpice de Montréal , reintroduced the idea in 1680, affirming that such a canal would provide water for the mills in Montréal and facilitate shipping towards the "up-country". Dollier François de Casson, เหนือกว่าของ Séminaire de Saint - Sulpice de Montreal, reintroduced ความคิดใน 1680, ตอบรับที่คลองดังกล่าวจะให้น้ำสำหรับโรงสีใน Montreal และอำนวยความสะดวกในการจัดส่งสินค้าต่อ"ถึงประเทศ" Work started in 1689. การทำงานเริ่มต้นในปี 1689 The attack on Lachine by the Iroquois, however, put an end to the project. การโจมตีใน Lachine โดย Iroquois แต่หมดสิ้นโครงการ The work continued in 1700 under the direction of Gédéon de Catalogue who had to abandon it due to lack of funds on the death of Dollier de Casson. ทำงานอย่างต่อเนื่องใน 1700 ภายใต้ทิศทางของ Gédéon de แคตตาล็อกที่มีการยกเลิกนั้นเนื่องจากไม่มีเงินในการเสียชีวิตของ Dollier de Casson

The Merchants' Determination การหาร้านค้า'
The First Great Canal Painting by Jack Tremblay, 1964 คลองจิตรกรรม Great ครั้งแรกโดย Tremblay Jack, 1964
© Bank of Montréal / Jack Tremblay / Centenary Collection P767, 1964 © ธนาคารของมอนทรีออ Tremblay Jack / / คอลเลกชันหนึ่งศตวรรษ P767, 1964 It was not until the beginning of the 19th century that the dream would become a reality. มันไม่ถึงจุดเริ่มต้นของศตวรรษที่ 19 ที่ฝันจะกลายเป็นความจริง The Lachine Canal became a necessity for the Montréal merchants who sought to make their city one of the main hubs of North American trade. Lachine คลองกลายเป็นความจำเป็นสำหรับร้านค้าที่มอนทรีออขอให้คนเมืองของพวกเขาของฮับหลักของการค้าอเมริกาเหนือ Work began in 1821. 1821 การทำงานเริ่มขึ้นใน The canal was completed in 1825. คลองแล้วเสร็จใน 1825

The first canal enabled the passage of small flat-bottomed sailboats. เปิดการใช้งานผ่านคลองแรกของ sailboats Flat - bottomed ขนาดเล็ก With the increase in shipping and in tonnage, it had to be enlarged twice the work was carried out from 1843 to 1848 and from 1873 to 1884. การเพิ่มขึ้นของการจัดส่งสินค้าและในระวางบรรทุกก็มีสองครั้งที่จะขยายงานได้ดำเนินการออก 1843 - 1848 และ 1873 - 1884


From Popularity to Obsolescence จากความนิยมไปยังล้าสมัย
The Belding Paul & Co. Limited buildings, circa 1903 Paul & Belding จำกัด อาคาร จำกัด 1903 ประมาณ
© Archives de la Ville de Montréal / circa 1903 © Archives de la Ville de Montréal ประมาณ / 1903 In the middle of the 19th century, a chain of canals, of which the Lachine Canal was the first link, was set up to facilitate shipping between Montréal and the Great Lakes. ในศตวรรษที่ 19, สายการคลองซึ่งคลอง Lachine เป็นลิงก์แรก, ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดส่งสินค้าระหว่าง Montreal และ Great Lakes In the same era, the first businesses were established on the canal's banks, attracted notably by its hydraulic potential. ในยุคเดียวกันธุรกิจแรกได้ก่อตั้งขึ้นบนฝั่งของคลอง, ดึงดูดโดยเฉพาะอย่างยิ่งไฮดรอลิศักยภาพ From 1847 to 1945, South-West Montréal had the most highly diversified concentration of industrial establishments in Canada. จาก 1847-1945, South - West มอนทรีออมีความเข้มข้นสูงมีความหลากหลายมากที่สุดของสถานประกอบการอุตสาหกรรมในประเทศแคนาดา

In its heyday, just before the great crisis in 1929, nearly 15 000 ships used the canal annually. ในความมั่งคั่งของเพียงก่อนวิกฤตที่ดีในปี 1929 เกือบ 15 000 เรือใช้คลองเป็นประจำทุกปี However, 30 years later, it would be replaced by the St. Lawrence Seaway. แต่ 30 ปีต่อมาก็จะถูกแทนที่ด้วยเซนต์ Lawrence Seaway Falling into disuse and partially filled in beginning in the 1960s, it was closed to shipping in November 1970. ล้มลงในการเลิกใช้และเต็มไปบางส่วนในการเริ่มต้นในปี 1960 จะมีการปิดเพื่อจัดส่งในพฤศจิกายน 1970

A Bridge Between the Past and the Future สะพานเชื่อมโยงระหว่างอดีตและอนาคต
The brand-new Saint-Gabriel Lock ใหม่แกะกล่อง Lock Saint - Gabriel
© Parks Canada / P.-É. © แคนาดาสวน / P.-É. Cadorette / 2002 Cadorette / 2002 Managed by Parks Canada since 1978, the Lachine Canal is widely known for its exceptional, multi-purpose path, which has enabled millions of users to explore an unusual landscape filled with history. บริหารโดยสวนสาธารณะแคนาดาตั้งแต่ปี 1978 Lachine คลองเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในการที่พิเศษไม่เหมือนเส้นทางอเนกประสงค์ของ บริษัท ซึ่งได้เปิดใช้งานนับล้านของผู้ใช้ในการสำรวจภูมิทัศน์ที่ผิดปกติที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ However, the canal is primarily a national historic site whose objective is to bear witness to the importance of shipping, canalization and industrialization in the history of the country's development. แต่คลองเป็นหลักโบราณสถานแห่งชาติที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นประจักษ์พยานถึงความสำคัญของการจัดส่งสินค้า canalization และอุตสาหกรรมในประวัติศาสตร์ของการพัฒนาประเทศ

Since 1997, a mega revitalization project has been undertaken with the purpose of breathing new life into this site. ตั้งแต่ปี 1997, โครงการฟื้นฟูเด่นได้รับการดำเนินการโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสู่ชีวิตใหม่ในไซต์นี้ The various levels of government, community organizations and private businesses will inject several tens of millions of dollars. ระดับต่างๆของรัฐบาลองค์กรชุมชนและธุรกิจเอกชนจะฉีดหลายสิบล้านดอลลาร์ These funds will notably be devoted to the presentation of the site's history and to the canal's restoration. เงินเหล่านี้จะยวดจะอุทิศให้กับงานนำเสนอประวัติของเว็บไซต์และเพื่อการฟื้นฟูคลองของ The canal will reopen to pleasure boating in 2002. คลองจะเปิดใหม่อีกครั้งเพื่อความสุขในปี 2002 เรือ

2553/11/14

ปรากฏการณ์ ลาวา มีสีคราม เย็น

Lava ลาวา คือ หินหลอมเหลว ที่ถูกปลดปล่อย หรือเคลื่อนสู่ผิวโลก ซึ่งธรรมดามันก็จะมีสีแดง แต่ ธรรมชาติทำให้เราประหลาดใจได้เสมอกับ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ลาวาสีคราม
_________
ภาพที่จะเห็นทั้งหมดในบทความนี้เป็นภาพจาก ภูเขาไฟ Kawah-Ijen ในประเทศอินโดนีเซีย ที่เกิดขึ้นในปี 2008 และ 2005
ปรากฏการณ์นี้จะสามารถเห็นได้เด่นชัดในคืนเดือนมืด
ปรากฏการณ์ธรรมชาติ นี้เกิดจากกำมะถันที่หลอมละลาย จากความร้อน จะปลดปล่อยเปลวเพลิงสีฟ้าสดออกมา ยิ่งในสภาพที่มีออกซิเจนสูงจะยิ่ง เห็นเปลวเพลิงสีฟ้าได้เด่นชัดขึ้น

ลาวาสีคราม ที่ไหลลงมาตามลาดภูเขาไฟ Kawah-Ijen

เห็นเป็นสีครามสวยงามเช่นนี้ แต่พวกมันมีอุณหภูมิ ไม่ต่ำกว่า 444.6 องศาเซลเซียส

ช่างเป็นความงามที่น่าสะพึงยิ่งนัก

ยิ่งซูมเข้าไปดูไกล้ จะเห็นเป็นเปลวเพลิงสีฟ้าสดอยางชัดเจน

เมื่อลาวาสีคราม เย็นตัวลงก็จะกลายเป็น กำมะถันสีเหลืองสด กลิ่นฉุน ทำให้ ภูเขา Kawah-Ijen เป็นเหมืองกำมะถัน

คำขวัญ 77 จังหวัด

คำขวัญกรุงเทพมหานคร (กทม.)
"ช่วยชุมชนแออัด ขจัดมลพิษ แก้ปัญหารถติด ทุกชีวิตรื่นรมย์"

คำขวัญ จังหวัดกระบี่ (กบ.)
"แหล่งถ่านหิน ถิ่นหอยเก่า เขาตระหง่าน หาดสวย รวยเกาะ เงาะถูกปาก งามหาดทราย ใต้ทะเลสวยสด มรกตอันดามัน สวรรค์เกาะพีพี"

คำขวัญ จังหวัดกำแพงเพชร (กพ.)
"กรุพระเครื่อง เมืองคนแกร่ง ศิลาแลงใหญ่ กล้วยไข่หวาน น้ำมันลานกระบือ"


คำขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี (กจ.)
"แคว้นโบราณ ด่านเจดีย์ มณีเมืองกาญจน์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว แหล่งแร่น้ำตก"


คำขวัญ จังหวัดกาฬสินธุ์ (กส.)
"เมืองฟ้าแดนยาง โปงลางเลิศล้ำ วัฒนธรรมภูไท ผ้าไหมแพรวา ผาเสวยภูพาน มหาธารลำปาว ไดโนเสาร์สัตว์โลกล้านปี"


คำขวัญ จังหวัดขอนแก่น (ขก.)
"พระธาตุขามแก่น เสียงแคนดอกคูน ศูนย์รวมผ้าไหม ร่วมใจผูกเสี่ยว เที่ยวขอนแก่นนครใหญ่ ไดโนเสาร์ลือก้อง เหรียญทองมวยโอลิมปิก"



คำขวัญ จังหวัดจันทบุรี (จบ.)
"น้ำตกลือเลื่อง เมืองผลไม้ พริกไทยพันธุ์ดี อัญมณีมากเหลือ เสื่อจันทบูร สมบรูณ์ธรรมชาติ สมเด็จพระเจ้าตากสิน**้ชาติ รวมญาติที่จันทบุรี"



คำขวัญ จังหวัดฉะเชิงเทรา (ฉช.)
"เมืองธรรมะ พระศักดิ์สิทธิ์ ชิดเมืองหลวง มะม่วงหวาน ข้าวสารขาว มะพร้าวน้ำหอม"


คำขวัญ จังหวัดเชียงราย (ชร.)
"เหนือสุดในสยาม ชายแดนสามแผ่นดิน ถิ่นวัฒนธรรมล้านนา ล้ำค่าพระธาตุดอยตุง ..."



คำขวัญ จังหวัดชุมพร (ชพ.)
"ประตูภาคใต้ ไหว้เสด็จในกรมฯ ชมไร่กาแฟ แลหาดทรายรี ดีกล้วยเล็บมือ ขึ้นชื่อรังนก"



คำขวัญ จังหวัดชลบุรี (ชบ.)
"ทะเลงาม ข้าวหลามอร่อย อ้อยหวาน จักสานดี ประเพณีวิ่งควาย"



คำขวัญ จังหวัดชัยภูมิ (ชย.)
"ชัยภูมิทิวทัศน์สวย รวยป่าใหญ่ มีช้างหลาย ดอกไม้งาม ลือนามวีรบุรุษ สุดยอดผ้าไหม พระใหญ่ทราวดี"

คำขวัญจังหวัดบึงกาฬ(บก.)
"สองนางศาลศักดิ์สิทธ์ อิทธิฤทธิ์หลวงพ่อใหญ่ แหล่งน้ำใสหนองกุดทิง สุดใหญ่ยิ่งแข่งเรือยาว หาดทรายขาวเป็นสง่า น่าทัศนาแก่งอาฮง งามน้ำโขงที่บึงกาฬ สุขสำราญที่ได้ยล "

คำขวัญ จังหวัดปทุมธานี (ปท.)
"ถิ่นบัวหลวง เมืองรวงข้าว เชื้อชาวมอญ นครธรรมะ"


คำขวัญ จังหวัดประจวบศีรีขันธ์ (ปข.)
"เมืองทองเนื้อเก้า มะพร้าว สัปรด สวยสดหาด เขา ถ้ำ งามล้ำน้ำใจ"


คำขวัญ จังหวัดชัยนาท (ชน.)
"หลวงปู่ศุขลือชา เขื่อนเจ้าพระยาลือชื่อ นามระบ์อสวนนก ส้มโอดกขาวแตงกวา"


คำขวัญ จังหวัดนนทบุรี (นบ.)
"พระตำหนักสง่างาม ลือนามสวนสมเด็จ เกาะเกล็ดแหล่งดินเผา วัดเกาะนามระบือ เลื่องลือทุเรียนนท์ งามน่ายลศูนย์ราชการ"


คำขวัญ จังหวัดนครปฐม (นฐ.)
"ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวงาม ข้าวหลามหวานมัน สนามจันทร์งามล้น พุทธมณฑลคู่ธานี พระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า"


คำขวัญ จังหวัดนครนายก (นย.)
"เมืองในฝันที่ใกล้กรุง ภูเขางาม น้ำตกสวย รวยธรรมชาติ ปราศจากมลพิษ"



คำขวัญ จังหวัดสระแก้ว (สก.)
"ชายแดนเบื้องบูรพา ป่างาม น้ำตกสวย มากด้วยอารยธรรมโบราณ ย่านการค้าไทย-เขมร"


คำขวัญ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (พย.)
"ราชธานีเก่า อู่ข้าวอู่น้ำ เลิศล้ำกานท์กวี คนดีศรีอยุธยา"


คำขวัญ จังหวัดสมุทรปราการ (สป.)
"ป้อมยุทธนาวี พระเจดีย์กลางน้ำ ฟาร์มจระเข้ใหญ่ งามวิไลเมืองโบราณ สงกรานต์พระประแดง ปลาสลิดแห้งรสดี ประเพณีรับบัว ครบถ้วนทั่วอุตสาหกรรม"


คำขวัญ จังหวัดสมุทรสาคร (สค.)
"เมืองประมง ดงโรงงาน ลานเกษตร เขตประวัติศาสตร์"


คำขวัญ จังหวัดสมุทรสงคราม (สส.)
"ดอนหอยหลอด ยอดลิ้นจี่ มีอุทยาน ร.2 แม่กลองไหลผ่าน นมัสการหลวงพ่อบ้านแหลม"


คำขวัญ จังหวัดสระบุรี (สบ.)
"พระพุทธบาทลือนาม แหล่งน้ำอุดม นมเนื้อมากมาย หลากหลายโรงงาน ถิ่นข้าวพันธุ์ดี มีมะม่วงรสเลิศ งามบรรเจิดธรรมชาติ"


คำขวัญ จังหวัดราชบุรี (รบ.)
"คนสวยโพธาราม คนงามบ้านโป่ง เมืองโอ่งมังกร วัดขนอนหนังใหญ่ ตื่นใจถ้ำงาม ตลาดน้ำดำเนิน เพลินค้างคาวร้อยล้าน ย่านยี่สกปลาดี"


คำขวัญ จังหวัดลพบุรี (ลบ.)
"วังนารายณ์คู่บ้าน ศาลพระกาฬคู่เมือง ปรางค์สามยอดลือเลื่อง เมืองแห่งดินสอพอง เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เกริกก้องแผ่นดินทอง สมเด็จพระนารายณ์"


คำขวัญ จังหวัดสิงห์บุรี (สห.)
"ถิ่นวีรชนคนกล้า คู่หล้าพระนอน นามกระฉ่อนปลาแม่ลา ย่านการค้าภาคกลาง"


คำขวัญ จังหวัดสุพรรณบุรี (สพ.)
"เมืองยุทธหัตถี วรรณคดีขึ้นชื่อ เลื่องลือพระเครื่อง รุ่งเรืองเกษตรกรรม สูงล้ำประวัติศาสตร์ แหล่งปราชญ์ศิลปิน ภาษาถิ่นชวนฟัง"


คำขวัญ จังหวัดปราจีนบุรี (ปจ.)
"ศรีมหาโพธิ์คู่บ้าน ไผ่ตงหวานคู่เมืง ผลไม้ลือเลื่อง เขตเมืองทวาราวดี"


คำขวัญ จังหวัดเพชรบุรี (พบ.)
"เขาวังคู่บ้าน ขมนหวาน เมืองพระ เลิศล้ำศิลปะ แดนธรรม ทะเลงาม"


คำขวัญ จังหวัดอุทัยธานี (อน.)
"อุทัยธานีเมืองพระชนกจักรี ปลา**รสดี ประเพณีเทโว ส้มโอบ้านน้ำตก มรดกห้วยขาแข้ง แหล่งต้นน้ำ สะแกกรัง ตลาดนัดดังโคกระบือ"


คำขวัญ จังหวัดนครสวรรค์ (นว.)
"เมืองสี่แคว แห่มังกร พักผ่อนบึงบอระเพ็ด ปลารสเด็ดปากน้ำโพ"


คำขวัญ จังหวัดพิจิตร (พจ.)
"เมืองชาละวัน แข่งขันเรือยาว ข้าวเจ้าอร่อย ส้มท่าข่อยรสเด็ด หลวงพ่อเพรชรวมใจ บึงสีไฟลือเลื่อง ยอดพระเครื่องหลวงพ่อเงิน"


คำขวัญ จังหวัดพิษณุโลก (พล.)
"พระพุทธชินราชงามเลิศ ถิ่นกำเนิดพระนเรศวร สองฝั่งน่านล้วนเรือนแพ หวานฉ่ำแท้กล้วยตาก ถ้ำและน้ำตกหลากตระการตา"


คำขวัญ จังหวัดตาก (ตก.)
"ธรรมชาติน่ายล ภูมิพลเขื่อนใหญ่ พระเจ้าตากเกรียงไกร เมืองไม้และป่างาม"


คำขวัญ จังหวัดสุโขทัย (สท.)
"มรดกโลกล้ำเลิศ กำเนิดลายสือไทย เล่นไฟลอยกระทง ดำรงพุทธศาสนา งามตาผ้าจก สังคโลกทองโบราณ สักการะแม่ย่าพ่อขุน รุ่งอรุณแห่งความสุข"


คำขวัญ จังหวัดอุตรดิตถ์ (อต.)
"เหล็กน้ำพี้ลือเลื่อง เมืองลางสาดหวาน บ้านพระยาพิชัยดาบหัก ถิ่นสักใหญ่ของโลก"


คำขวัญ จังหวัดแพร่ (พร.)
"ม่อฮ่อม ไม่สัก ถิ่นรักพระลอ พระธาตุช่อแฮศรีเมือง ลือเลื่องแพะเมืองผี คนแพร่มีน้ำใจงาม"


คำขวัญ จังหวัดเพชรบรูณ์ (พช.)
"เมืองมะขามหวาน อุทยานน้ำหนาว ศรีเทพเมืองเก่า เขาค้ออนุสรณ์ นครพ่อขุนผาเมือง"


คำขวัญ จังหวัดลำปาง (ลป.)
"ถ่านหินลือชา รถม้าลือลั่น เครื่องปั้นลือนาม งามพระธาตุลือไกล ฝึกช้างใช้ลือโลก"


คำขวัญ จังหวัดน่าน (นน.)
"แข่งเรือลือเลื่อง เมืองงาช้างดำ จิตรกรรมวัดภูมินทร์ แดนดินส้มสีทอง เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง"


คำขวัญ จังหวัดลำพูน (ลพ.)
"พระธาตุเด่น พระรอดขลัง ลำใยดัง กระเทียมดี ประเพณีงาม จามเทวี ศรีหริภุญไชย"


คำขวัญ จังหวัดเชียงใหม่ (ชม.)
"ดอยสุเทพเป็นศรี ประเพณีเป็นสง่า บุปผาชาติล้วนงามตา งามล้ำค่านครพิงค์"


คำขวัญ จังหวัดพะเยา (พย.)
"กว๊านพะเยาแหล่งชีวิต ศักดิ์สิทธิ์พระเจ้าตนหลวง บวงสรวงพ่อขุนงำเมือง งามลือเลื่องดอยบุษราคัม"


คำขวัญ จังหวัดแม่ฮ่องสอน (มส.)
"หมอกสามฤดู กองมูเสียดฟ้า ป่าเขียวขจี ผู้คนดี ประเพณีงาม ลือนามถิ่นบัวตอง"



คำขวัญ จังหวัดระยอง (รย.)
"ผลไม้รสล้ำ อุตสาหกรรมก้าวหน้า น้ำปลารสเด็ด เกาะเสม็ดสวยหรู สุนทรภู่กวีเอก"


คำขวัญ จังหวัดตราด (ตร.)
"เมืองเกาะครึ่งร้อย พลอยแดงค่าล้ำ ระกำแสนหวาน หลังอานหมาดี ยุทธนาวีเกาะช้าง สุดทางบูรพา"


คำขวัญ จังหวัดนครราชสีมา (นม.)
"เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน"



คำขวัญ จังหวัดบุรีรัมย์ (บร.)
"เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม"


คำขวัญ จังหวัดมหาสารคาม (มค.)
"พุทธมณฑลอีสาน ถิ่นฐานอารยธรรม ผ้าไหมล้ำเลอค่า ตักศิลานคร"


คำขวัญ จังหวัดร้อยเอ็ด (รอ.)
"ร้อยเอ็ดเพชรอีสาน พลาญชัยบึงงาม เรืองนามพระสูงใหญ่ ผ้าไหมชั้นดี สตรีโสภา ทุ่งกุลาสดใส งานใหญ่บุญผะเหวด"


คำขวัญ จังหวัดยโสธร (ยส.)
"เมืองประชาธิปไตย บั้งไฟโก้ แตงโมหวาน หมอนขวาน ผ้าขิด แหล่งผลิตข้าวหอมมะลิ"


คำขวัญ จังหวัดศรีสะเกษ (ศก.)
"ศรีสะเกษแดนปราสาทขอม หอมกระเทียมดี มีสวนสมเด็จ เขตดงลำดวน หลากล้วนวัฒนธรรม เลิศล้ำสามัคคี"


คำขวัญ จังหวัดสุรินทร์ (สร.)
"สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ ผ้าไหมงาม ประคำสวย ร่ำรวยปราสาท ผักกาดหวาน ข้าวสารหอม งามพร้อมวัฒนธรรม"


คำขวัญ จังหวัดมุกดาหาร (มห.)
"เมืองชายโขงงาม มะขามหวานเลิศ ถิ่นกำเนิดลำพญา ภูผาเทิบพิสดาร กลองโบราณล้ำค่า วัฒนธรรมไทยแปดเผ่า"


คำขวัญ จังหวัดสกลนคร (สน.)
"พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน พระตำหนักภูพานคู่เมือง งามลือเลื่องหนองหาร แลตระการปราสาทผึ้ง สวยสุดซึ้งสาวภูไท ถิ่นมั่นในพุทธธรรม"


คำขวัญ จังหวัดหนองบัวลำภู (นภ.)
"ศาลสมเด็จพระนเรศวร อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ แผ่นดินธรรมหลวงปู่ขาว เด่นสกาวถ้ำเอราวัณ นครเขื่อนขันธ์ กาบแก้วบัวบาน"


คำขวัญ จังหวัดเลย (ลย.)
"เมืองแห่งทะเลภูเขา สุดหนาวในสยาม ดอกไม้งามสามฤดู"


คำขวัญ จังหวัดหนองคาย (นค.)
"วีรกรรมปราบฮ่อ หลวงพ่อพระใส สะพานไทย-ลาว"


คำขวัญ จังหวัดนครพนม (นพ.)
"พระธาตุพนมล้ำค่า วัฒนธรรมหลากหลาย เรณูภูไท เรือไฟโสภา งามตาสองฝั่งโขง"


คำขวัญ จังหวัดระนอง (รน.)
"คอคอดกระ ภูเขาหญ้า กาหยูหวาน ธารน้ำแร่ มุกแท้เมืองระนอง"


คำขวัญ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (สฎ.)
"เมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ"


คำขวัญ จังหวัดนครศรีธรรมราช (นศ.)
"เราชาวนคร อยู่เมืองพระ มั่นอยู่ในสัจจะศีลธรรม กอรปกรรมดี มีมานะพากเพียร ไม่เบียดเบียน ทำอันตรายผู้ใด"


คำขวัญ จังหวัดพังงา (พง.)
"แร่หมื่นล้าน บ้านกลางน้ำ ถ้ำงามตา ภูผาแปลก แมกไม้จำปูน บริบรูณ์ด้วยทรัพยากร"


คำขวัญ จังหวัดพัทลุง (พท.)
"เมืองหนังโนราห์ อู่นาข้าว พราวน้ำตก แหล่งนกน้ำ ทะเลสาปงาม เขาอกทะลุ น้ำพุร้อน"

คำขวัญ จังหวัดภูเก็ต (ภก.)
"ไข่มุกอันดามัน สวรรค์เมืองใต้ หาดทรายสีทอง สองวีรสตรี บารมีหลวงพ่อแช่ม"

คำขวัญ จังหวัดตรัง (ตง.)
"เมืองพระยารัษฎา ปวงประชาใจกว้าง หมูย่างรสเลิศ ถิ่นกำเนิดยางพารา เด่นสง่าดอกศรีตรัง ปะการังใต้ทะเล เสน่ห์หาดทรายงาม น้ำตกสวยตระการตา"


คำขวัญ จังหวัดสงขลา (สข.)
"นกน้ำเพลินตา สมิหราเพลินใจ เมืองใหญ่สองทะเล เสน่ห์สะพานป๋า ศูนย์การค้าแดนใต้"


คำขวัญ จังหวัดสตูล (สต.)
"สตูล สงบ สะอาด ธรรมชาติบริสุทธิ์"


คำขวัญ จังหวัดปัตตานี (ปต.)
"บูดูสะอาด หาดทรายสวย รวยน้ำตก นกเขาดี ลูกหยีอร่อย หอยแครงสด"


คำขวัญ จังหวัดยะลา (ยล.)
"ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน"


คำขวัญ จังหวัดนราธิวาส (นธ.)
ทักษิณราชตำหนัก ชนรักศาสนา นราทัศน์เพลินตา บาโจตรึงใจ แหล่งใหญ่แร่ทอง ลองกองหอมหวาน"

คำขวัญ จังหวัดอ่างทอง (อท.)
"พระสมเด็จเกศไชโย หลวงพ่อโตองค์ใหญ่ วีรชนใจกล้า ตุ๊กตาชาววัง โด่งดังจักสาน ถิ่นฐานทำกลอง เมืองสองพระนอน"


คำขวัญ จังหวัดอำนาจเจริญ (อจ.)
"พระมงคลมิ่งเมือง แหล่งรุ่ง เรืองเจ็ดลุ่มน้ำ งามล้ำถ้ำศักดิ์สิทธิ์ เทพนิมิตรพระเหลา เกาะแก่งเขาแสนสวย เลอค่าด้วยผ้าไหม ราษฎร์เสื่อมใสใฝ่ธรรม"


คำขวัญ จังหวัดอุดรธานี (อด.)
"น้ำตกจากสันภูพาน อุทยานแห่งธรรมะ อารยธรรมห้าพันปี ธานีผ้าหมี่ขิด แดนเนรมิตรหนองประจักษ์ เลิศลักษณ์กล้วยไม้หอม อุดรซันไฌน์"


คำขวัญ จังหวัดอุบลราชธานี (อบ.)
"เมืองดอกบัวงาม แม่น้ำสองสี มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน ถิ่นไทยนักปราชญ์ ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามล้ำเทียนพรรษา ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

นักวิทยาศาตร์ ประดิษฐ์ เครื่องฉายสามมิติ แบบสตาร์ วอร์ส

Mthai news: ก่อน หน้านี้ ในภาพยนตร์เรื่องสตาร์ วอร์ส ภาพยนตร์ชุดแนวแฟนตาซีวิทยาศาสตร์ จะพบเห็นเครื่องฉายภาพสามมิติแบบเรียลไทม์ปรากฎอยู่ในฉาก ซึ่งบุคคลที่อยู่ต่างสถานที่สามารถมองเห็นภาพนั้นได้

ล่าสุดนักสวิทยาศาสตร์และนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแอริโซนา สหรัฐ สามารถคิดค้น ผลิตเครื่องฉายภาพที่เรียกว่า โฮโลแกรม (Hologram )ภาพที่เห็นจะสามารถมองเห็นภาพในต่างสถานที่ได้ทันที


การเริ่มต้นคิดค้นดัง กล่าว ถือว่าเป็นการปฏิวัติอย่างยิ่งใหญ่ ขอจอสามิติทั่วไปที่เคยมีมาอย่าง โทรทัศน์ เกมส์คอมพิวเตอร์ หรือโปสเตอร์โฆษณาสามมิติ โดยเครื่องดังกล่าว สามารถสร้างแผนที่แบบสามมิติและเป็นประโยชน์ในวงการแพทย์ช่วยในการผ่าตัด ให้สามารถมองเห็นอวัยวะภายในร่างกายของคนไข้

ศาสตราจารย์ Nasser Peyghambarian ผู้ริเริ่มการวิจัยกล่าวว่า เรากำลังจะก้าวไปอีกขั้นในการมองเห็นภาพสามมิติแบบเรียลไทม์ มีความคมชัด มีสีสันสมจริง และขนาดเท่ามนุษย์จริง คนที่อยู่ต่างสถานที่จะมองเห็นกันได้ทันทีไม่ว่าจะอยู่ส่วนใดของโลก

ทั้งนี้ ต้นแบบเครื่องดังกล่าว ใช้จอขนาด 10นิ้ว ไม่ต้องใช้แก้วแบบสามมิติ ที่สามารถมองเห็นภาพซึ่งจะเปลี่ยนทุกๆ 2 วินาที ข้อมูลจะถูกบันทึกโดยลำแสงเลเซอร์ที่บันทึกเข้าไป


อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนภาพทุกๆ 2 วินาทียังช้าเกินไป ซึ่งจะต้องมีการพัฒนาต่อไปให้มีการแสดงภาพที่ใหญ่ขึ้น เทียบเท่าจอโทรทัศน์ และสามารถเปลี่ยนภาพได้รวดเร็วสมจริงยิ่งขึ้น

ทูตฯ ยูนิเซฟแห่งเวียดนาม...

สำหรับเหวียนหวูห่าแอง (Nguyen Vu Ha Anh) อะไรที่เคยเป็นมาอย่างไร ก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้น เคยกิน เคยอยู่ อย่างไรก็ทำอย่างนั้น เคยนุ่งเคยห่มมาอย่างไร ก็ทำมาอย่างนั้น และยังเซ็กซี่อยู่เหมือนเดิม.. ไม่เคยเปลี่ยน แม้ว่าเธอจะมีตราขององค์การยูนิเซฟ ประทับอยู่ก็ตาม


ภาพแฟชั่นชุดล่าของห่าแอง เป็นผลงานกำกับของอองรี อือแบร์ (Henry Hubert) ครีเอทีฟจากฝรั่งเศส และถ่ายโดยแอนดี ฟาน (Andy Phan) ช่างภาพมือหนึ่งแห่งวงการแฟชั่น ชุดว่ายน้ำทูพีซสีขาวของเธอขาวหมดจด ตัดกับทะเลสีครามที่เป็นฉากหลัง ช่วยขับให้เธอดูผ่องไปทั้่งตัว ไม่ว่าจะดูกี่รอบต่อกี่รอบ ความสวยไม่เคยสร่าง ห่าแองเพิ่งตกเป็นข่าวอื้อฉาวเมื่อเดือนก่อน ตอนที่ไปร้องเพลงในงานแฟชั่นการกุศล และเปิดตัวสินค้าอะไรสักอย่างในโรงแรมหรูแห่งหนึ่งของกรุงฮานอย


การนุ่งสั้นๆ แล้วขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีสูงโยกไปโยกมา ทำให้เสียงหวอดังลั่นโรงแรมเป็นระยะๆ เธอเป็นตัวการทำให้บริษัทที่จัดงานครั้งนั้นถูกกระทรวงวัฒนธรรมสั่งปรับ และ หากกระทำผิดครั้งต่อไปจะถูกยึดใบอนุญาต แต่ชาวบ้านยังไม่หายแค้น และสื่อจ้องจะเล่นงานสาวยูนิเซฟคนนี้ตลอดเวลา ฐานชอบแต่งหวือหวา พร้อมตั้งฉายา "ลิงทุกตัวเรียกแม่" ให้กับห่าแอง แต่นางแบบสาวไม่เคยหวั่นไหวกับเรื่องแบบนี้ เคยแต่งมายังไงก็แต่งอย่างนั้น เสมอต้นเสมอปลาย เธอยังกล่าวอีกว่า เมื่อแต่งให้โป๊ได้ ก็แต่งให้ดูเรียบร้อยได้ มันขึ้นอยู่กับอารมณ์แห่งศิลปิน


ห่าแองเป็นสาวนักเรียนนอก เรียนและทำงานเดินแบบอยู่ในกรุงลอนดอน ปี 2549 เวียดนามขาดแคลนสาวงามไปประกวดมิสเอิร์ธในปีนั้น บริษัทโมเดลลิ่งในฮานอยโทร.สอบถามไปยังกรุงลอนดอน และในที่สุดก็ได้เพชรเม็ดงาม นัดสาวนักเรียนนอกให้บินลัดฟ้าตรงไปยังกรุงมะนิลา ไปเจอกันที่โน่น เนื่องจากการประกวดได้เริ่มขึ้นแล้ว

ห่าแองไม่ได้รางวัลอะไรติดไม้ติดมือกับมาจากฟิลิปปินส์ ในการประกวดซึ่งเป็นครั้งแรกในชีวิต แต่หลังจากนั้นก็ได้กลายเป็นสาวฮอตบนรันเวย์มาตลอด แล้ววันหนึ่งในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ UNICEF (United Nations Children's Fund) ก็ประกาศแต่งตั้งเธอเป็นทูตสันถวไมตรีประจำเวียดนาม กลายเป็นคนแรกของประเทศ ที่ได้รับตำแหน่งเกียรติยศนี้


ยูนิเซฟแต่งตั้งทูตสันถวไมตรีคนแรกในปี 2497 จากนั้นก็มีการเลือกดารา นางแบบ นักร้อง หรือ บรรดาซีเล็บ ให้ทำหน้าที่เป็นทูต ทั้งระดับระหว่างประเทศ ระดับภูมิภาค หรือ ระดับประเทศแบบเดียวกับห่าแอง ทูตคนใหม่ล่าสุด แต่ก็ใช่ว่ามีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นฟ้าแล้วจะทำหน้าที่นี้ได้ หากจะต้องมีจิตวิญญาณแห่งความรักเด็ก และ พร้อมจะทุ่มเทพลังต่างๆ เพื่อเด็กๆ ด้วย


ในบรรดาทูตสันถวไมตรีขององค์การยูนิเซฟ ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ก็มี ลูซี หลิว (Lucy Liu) ซาราห์ เจสสิกา ปาร์กเกอร์ (Sarah Jessica Parker) คลาวเดีย ชิฟเฟอร์ (Claudia Schiffer) ลิฟ ไทเลอร์ (Liv Tyler) ซีลีนา โกเมซ (Selena Gomez) ร็อบบี วิลเลียมส์ (Robbie Williams) กับ ราล์ฟ ไฟนส์ (Ralph Fiennes) อีกคนหนึ่ง ยูนิเซฟมีจุดประสงค์ให้บุคคลมีชื่อเสียงเหล่านี้ได้ใช้ฐานะทางสังคมของตนและอิทธิพลอะไรต่างๆ ทำให้ประชาคมโลกหันมาเอาใจใส่ต่อปัญหาของเด็ก กิจกรรมของทูตสันถวไมตรีมีทั้ง การปราศรัย แสดงปาฐกถา เดินทางไปเยี่ยมเยือนถึงแหล่งที่เป็นปัญหา เรียกร้องความสนใจจากสื่อต่างๆ ให้ช่วยกันเผยแพร่ให้เกิดการรับรู้เกี่ยวกับปัญหาของเด็ก เพื่อระดมสรรพกำลังเข้าช่วยเหลือ

ดื่มน้ำต้านมะเร็ง

การดื่มน้ำมีประโยชน์ต่อร่างกายนอกจากจะทำให้ผิวสวยสุขภาพดีแล้ว
เพื่อนๆรู้มั้ยคะว่า การดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 5 แก้ว
จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้เกือบ 50%
รู้แบบนี้แล้วพยายามดื่มน้ำกันเยอะๆนะคะ

5 บุคคลเปลี่ยนโลกทั้งที่อยู่ในคุก

อันดับ 5 David Marshall Williams

เดวิด มาร์แชลล์ วิลเลียมส์ เกิดเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1900 บิดาเป็นผู้มีอาชีพทำฟาร์ม เป็นผู้มีฐานะดีผู้หนึ่งในแคโรไรน่า พ่อเขาเป็นคนดี แต่เขาไม่ทำถ่านเลยสักนิด เขาไม่ชอบโรงเรียน ชอบหนีเรียน แถมชอบเที่ยวเตร่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาชำนาญคือเขาประกอบปืนเป็น!! แถมยังประดิษฐ์ปืนด้วยตนเองเสียด้วย
พอเดวิดโตหน่อยเขาก็ทำธุรกิจผลิตสุราเถื่อน(โดนแรกมันถูกกฎหมายแต่พอรัฐบาล ห้ามเขาก็เลิกไม่ได้) จนกระทั้งวันหนึ่งในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1920 นายอำเภอท้องถิ่น พร้อมทั้งข้าราชการพากันไปล้อมโรงต้มกลั่นของเดวิดเพื่อจะจับตัวเขาและพรรค พวกในฐานฝ่าฝืนกฎหมาย ทำให้เดวิดและพรรคพวกต้องต่อสู้กันอย่างชุลมุนวุ่นวาย ผลคือเขาทำให้เจ้าหน้าที่คนหนึ่งตาย เขาเลยหลบหนี แต่ในที่สุดเขาก็มอบตัวและสู้คดีผลคือเขาต้องใช้ชีวิตในเรือนจำ 30 ปี และนี้คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนโลกเพราะในคุกนั้นเขาได้สิทธิพิเศษ บางอย่างที่ไม่ใช้ขอกินพุดดิ้งหรือขอดูแมนยูแตะกับเซสซี หากแต่เขามีสิทธิพิเศษในการประกอบปืนและออกแบบปืนได้ตามใจปรารถนา โดยเขาได้คิดค้นปืนระบบแก๊ส-ลูกสูบเนื่องจากเขาเห็นว่าปืนของเจ้าหน้าที่ที่ ใช้อยู่นั้นไม่เหมาะในการยิงนักโทษ(ในกรณีที่นักโทษก่อความรุนแรง) เขาเป็นคนออกแบบปืนทั้งๆ ที่อยู่ในคุก โดยปืนที่เขาคิดค้นนั้นเป็นประโยชน์ต่อวงการหลายๆอย่าง เช่นทำให้ปืนยิงเร็ว มีอนุภาพร้ายแรงขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญในการลดน้ำหนักของปืน จนทุกวันนี้ปืนระบบแก๊ส 99.9% ใช้หลักการของ วิลเลียมส์ทั้งสิ้น อีกทั้งทำให้สงครามปืนทันสมัย เวลาเล่นเกม Call of Duty ก็ไม่น่าเบื่อสำหรับคุณอีกต่อไป(เกี่ยว??)


อันดับ 4 William Addis

คุณคงไม่เชื่อว่าเรือนจำที่แสนสกปรกที่เต็มไปด้วยคราบอสุจิ เลือด และนักโทษกลิ่นตัวเหม็นนั้น จะเป็นที่กำเนิดอุปกรณ์ทำความสะอาดอย่าง “แปลงสีฟัน” ได้ และเจ้าสิ่งนี้เองที่ทำให้มันติดในอันดับของใช้ที่โลกขาดไม่ได้ในบัดดล
ที่จริงสมัยก่อนก็มีหลายคนใช้ยาสีฟัน เช่น กิ่งไม้, ขนนก, กระดูกสัตว์, ขนเม่น แต่มันไม่จ๊าบเท่าไหร่เนอะ จนกระทั้งมีนักประดิษฐ์คิดค้นแปรงสีฟันคนแรกก็คือ วิลเลียม แอดดิส ชาวเมืองเคิร์กเคนวอลล์ ซึ่งเกิดทำผิดมีอันต้องเข้าไปนอนในคุกข้อหาใช้ความรุนแรง ในปี 1770 ตอนนั้นผู้คนทั้งในและนอกคุกใช้วิธีแปรงฟันโดยใช้เกลือหรือเขม่ามาใส่ในเศษ ผ้า นำมาถู ๆ ที่ฟัน รวมถึงนายแอดดิสด้วย เขาทำแบบนี้หลายปีจนเขามีความคิดว่าน่าจะเป็นการดีถ้ามีอุปกรณ์ที่ช่วยในการ ทำความสะอาดฟันดีกว่านี้ โดยเขาได้ใช้ กระดูก จากนั้นก็นำมาเจาะเป็นรูเล็ก ๆ แล้วก็ขอขนแปรงจากผู้คุมมายัดลงไปในรูแล้วติดกาว แล้วตัดขนแปรงให้พอเหมาะ ได้แล้วแปรงสีฟันอันแรกของโลก และเมื่อแอดดิสออกจากคุก เขาก็เริ่มกิจการประดิษฐ์แปรงสีฟันเพื่อจำหน่ายอย่างที่หวังไว้ และก็มีขายมาจนทุกวันนี้(เขาตายในปี 1840) ซึ่งรูปแบบและสีสันก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงและคิดค้นอีกภายหลัง


อันดับ 3 Jesse Hawley

เจสซี่ ฮอว์ลี่ย์ เป็นพ่อค้าแป้งในกรุงเจนีวา นิวยอร์ค ถูกขังคุก แต่หารู้ไม่ว่าเขาเป็นคนต้นคิดในการสร้างคลองอีรีทั้งๆ ที่อยู่ในคุก
แล้วคลองอีรีห์นั้นมันเปลี่ยนโลกยังไง หลายคนอาจไม่รู้ว่าคลองอีรีนั้นทำให้อเมริกาเจริญจนถึงทุกวันนี้ เพราะคลองอีรีห์เป็นคลองที่ถูกขุดในนิวยอร์คยาว 363 ไมล์(584 กม.) จากอัลบานี นิวยอร์ค ในแมนฮัดสัน ไปยัง บัฟฟาโล นิวยอร์ค เริ่มขุด1817-1825 (เปิดอย่างเป็นทางการ 26 ตุลาคม 1825) มีส่วนความสำคัญมากต่อศูนย์กลางการค้าขายในทวีปอเมริกาเหนือ สมัยก่อนนั้นอเมริกาต้องใช้การขนส่งโดยใช้เกวียนเป็นหลัก หากแต่หลังจากมีการสร้างคลองทำให้มีการขนส่งด้วยเรือเพิ่มขึ้นมา และคลองนี้ เป็นท่าเรือเพียงแห่งเดียวในภูมิภาคนี้ที่สามารถขนส่งสินค้าออกไปยัง แอตแลนติกได้ ซึ่งมีผลทำให้รัฐนิวยอร์คและเมืองนิวยอร์คกลายเป็นเมืองที่และศูนย์กลางค้า ขายของอเมริกาอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังตัวจุดชนวนกระแสการลงทุนในเรื่องการขนส่งและการขยายตัวทาง เศรษฐกิจใหม่ของสหรัฐอเมริกา
กลับมาที่เจสซี่ ฮอว์ลี่ย์ต่อ เขาถูกจำคุกในปี 1807 เนื่องจากเขามีปัญหาการขนส่งจนเป็นหนี้ ต้องติดคุก 20 เดือน ในระหว่างอยู่ในคุกเขาได้เขียนเรียงความเรื่องหนึ่งชื่อ “Hercules” ออกเผยแพร่ว่าน่าจะขุดคลองอีรีห์จากแม่น้ำฮัดสันเพื่อแก้ปัญหาขนส่ง ผลงานของเขานั้นกลายเป็นผลงานที่โดดเด่นจนทำให้ผู้เกี่ยวข้องมีความคิดจะขุด คลองให้มันเป็นจริง และเรียงความของเขาได้รับการพิสูจน์ว่ามีอิทธิพลในการพัฒนาคลองอย่างแท้จริง


อันดับ 2 Franklin Robert Stroud

โรเบิร์ต แฟรงคลิน(28 มกราคม 1890-21 พฤศจิกายน 1963) ก่อนที่จะนักโทษนั้น เขายังเป็นวัยรุ่นเลือดร้อนแถววอชิงตัน อเมริกาที่หลงรักหญิงคาบาเร่ต์คนหนึ่ง ที่จริงทั้งสองน่าจะมีชีวิตมีความสุขตลอดกาล หากแต่น่าเศร้า เมื่อต่อมาแฟนของถูกตีอย่างรุนแรงโดยเขา และเขาถูกพิพากษาจำคุก 12 ปี ฐานฆาตกรรม และถูกขังในคุกอัลคาทราซด้วย
ดูๆ ไปชีวิตของเขาก็เหมือนนักโทษธรรมดาเนอะ หากแต่แปลกหน่อยตรงที่ ระหว่างที่เขาถูกจำคุกอยู่เขาได้พบรักใหม่ นั้นก็คือ “นก” เขาเริ่มรักนก รักถึงขนาดนำเลี้ยงนกในห้องขัง ซึ่งตามกฎเรือนจำไม่ให้อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์(จนเป็นเหตุย้ายไปขังในคุกอัลคา ทราซ) แต่กระนั้นเขาก็ได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องนกโดยบริยาย และได้เขียนหนังสือ iseases of Canaries และ Stroud's Digest o­n the Diseases of Birds เกี่ยวกับพยาธิและโรคในนก ซึ่งมีส่วนอย่างมากในการพัฒนาวงการสัตวแพทย์ เกี่ยวกับพยาธิวิทยา ทั้งๆ ที่แพทย์วินิจฉัยว่าเขาเป็นคนบ้า แต่กระนั้นเขามีไอคิวถึง 134 และนอกจากนี้เรื่องราวของเขายังถูกสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง Birdman of Alcatraz ซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจภาพยนตร์แนวคนคุกจนถึงปัจจุบัน


อันดับ1 Miguel de Cervantes Saavedra

มีเกล เด เซร์บันเตสเป็นในตระกูลชนชั้นกลางในปี ค.ศ. 1547-1616 ที่เมืองอัลกาลาเดเอนาเรส ประเทศสเปน เขาไม่เคยเรียนระดับมหาวิทยาลัย เขาเป็นทหารและบาดเจ็บจนมือซ้ายของเขาพิการ แถมยังถูกเคยโจรสลัดจับในประเทศแอลจีเรียอีก เขาถูกขังตั้งแต่ปี 1575 จนกระทั่งกองโจรได้รับค่าไถ่ตัวและปล่อยเขาเป็นอิสระในปี ค.ศ. 1580 แต่ชีวิตของเขาก็ติดคุกอีก เมื่อปี 1597 ในข้อหาปัญหาหนี้สิน ระหว่างที่เขาถูกขังในคุกเขาได้แต่งนิยายเรื่องดอนกิโฆเต้ขึ้น(และตีพิมพ์ ส่วนแรกของเรื่องเมื่อปี ค.ศ. 1605)
ดอนกิโฆเต้ แห่งลามันช่า ขุนนางต่ำศักดิ์นักฝัน (El ingenioso hidalgo don Quixote de la Mancha) เป็นนิยายที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก เป็นนิยายเสียดสีล้อเลียนนิยายอัศวิน เนื้อเรื่องของนวนิยายเรื่องนี้ กล่าวถึงขุนนางต่ำศักดิ์ผู้สูงอายุ และไร้เรี่ยวแรงคนหนึ่งแห่งแคว้นลามันช่า ซึ่งคลั่งไคล้นิยายอัศวินมาก ถึงกับขายที่ดินจำนวนมากเพื่อหาซื้อนิยายอัศวิน ในที่สุดก็คิดไปว่าทุกสิ่งทุกอย่างในนิยายเหล่านั้นเป็นเรื่องจริง จึงปรารถนาที่จะเป็นยอดอัศวินดังที่ปรากฏในหนังสือเหล่านั้น เขาสร้างเกราะและหมวกจากกระดาษแข็ง นำม้าผอมโซตัวหนึ่งมาตั้งชื่อว่าโรสินันเต้ หรือ “ม้าที่เคยทุรลักษณ์” จากนั้นจึงตั้งชื่อของตนใหม่ว่า ดอนกิโฆเต้ แห่งลามันช่า และแต่งตั้งชาวนาเป็นอัศวินสำรอง "ซานโช่ ปันซ่า" ทั้งสองคนร่วมผจญภัยโดยต่อสู้กับศัตรูร้ายในความคิดของดอนกิโฆเต้ เช่น กังหันลมซึ่งดอนกิโฆเต้เข้าใจว่าเป็นยักษ์
แม้นิยายเรื่องนี้จะมีอายุ 400 ปีแล้วก็ตาม หากแต่หนังสือนี้ได้รับยกย่องว่าเป็นนิยายดีที่สุดที่โลกนี้เคยมีมา บ้างกล่าวว่า ดอนกิโฆเต้ คือนิยายเรื่องแรกของโลก เป็นหนังสือที่แปลเป็นภาษาอื่น มากที่สุดในโลก รองจากไบเบิ้ล ดอนกิโฆเต้ฯ ได้ชื่อว่าเป็นไบเบิ้ลแห่งมนุษยชาติ และเนื้อหาคงอ่านง่ายไม่ซับซ้อนเหมือนหนังสือโบราณเรื่องอื่นๆ

ตะลึง!! USA พบไทม์แมชชีนจากโลกอนาคต??

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีการฟอร์เวิดเมล์ส่งข่าว เกี่ยวกับการค้นพบไทม์แมชชีนของสหรัฐอเมริกา
พวกเราเกจิอาจารย์ก็ได้รับเมล์ที่ว่าเช่นกัน :: ?[สำนัก ข่าวเอพี] ความจริงช็อคโลกเพิ่งจะได้รับการเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ว่า เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ที่ผ่านมา ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ค้นพบไทม์แมชชีน หรือยานเวลาจากโลกอนาคต ในบริเวณทะเลทรายของรัฐฟอริด้า
ทั้งนี้ผู้ เห็นเหตุการณ์ได้เล่าให้ทีมผู้สื่อข่าวฟังว่า ขณะที่เขากำลังทำงานอยู่ตามปกติ ก็ได้ยินเสียงประหลาดคล้ายเสียงระเบิดดังสนั่นหวันไหว เมื่อมองหาต้นสียง เค้าก็พบเห็นควันสีฟ้าลอยขึ้นมาจากทะเลทรายไกลออกไป โดยเขาพึ่งมาทราบภายหลังว่านั่นคือเครื่องไทม์แมชชีนจากโลกอนาคตที่ประสบ อุบัติเหตุ "ตอนแรกผมนึกว่าเป็นการก่อการร้ายซะอีก" แหล่งข่าวผู้ไม่ประสงค์ออกนามกล่าวกับผู้สื่อข่าว

ทางด้าน NASA ซึ่งเป็นกลุ่มแรกที่เข้าถึงยานเวลาดังกล่าว ได้ออกแถลงการณ์ว่า พวกเค้าตรวจพบความผิดปกติของสนามควอนตั้มกราวิตี้บริเวณทะเลทรายของรัฐฟอริ ด้า จึงได้ประสานงานกับทางกองทัพเพื่อทำการค้นหาสาเหตุของความผิดปกติครั้งนี้ และได้ค้นพบวัตถุประหลาดอยู่ในสภาพพังยับเยิน และบริเวณโดยรอบพังทลายเนื่องจากความปั่นป่วนของอนุภาคครึ่งสปินมวลสูง ซึ่งภายหลังวัตถุดังหล่าวได้รับการยืนยันว่าเป็นยานเวลาจากอนาคต หลังจากทำการตรวจสอบในห้องวิจัยนานถึง 87ชั่วโมง

อนึ่งขณะนี้ทาง รัฐบาลยังไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลใดๆ นอกจากยืนยันว่า ยานเวลาที่พบนั้น เป็นสัญชาติอเมริกัน โดยทางโฆษกทำเนียบข่าวกล่าวว่าจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการโดยละเอียดอีก ครั้งเมื่อข้อมูลต่างๆเริ่มเป็นที่แน่ชัดแล้ว และขอให้สื่อมวลชลอย่าเล่นข่าวกันจนเกินเลย

โดยขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญ สาขาต่างๆจากทั่วโลกได้เดินทางไปยังอเมริกาตามคำเชิญของรัฐบาลเพื่อ ทำการตรวจสอบยานเวลาดังกล่าว ซึ่งล่าสุดได้มีการยืนยันแล้วว่า สตีเฟ่น ฮอว์คิง ได้เดินทางถึงมหาวิทยาลัยเวอจิเนียร์แล้ว

และภาพนี้มีการนำมากล่าวอ้างว่า [หนึ่งในภาพประวัติศาสตร์ ,รูปในสถานที่เกิดเหตุ ถ่ายเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2009


อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1980465#ixzz15GkaHALJ