การเมืองการปกครอง
เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2545 ชาวฝรั่งเศส 32,307,107คน (คิดเป็นร้อยละ 80.74 จากผู้มีสิทธิ เลือกตั้งทั้งหมด 40,013,249 คน) ได้ไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งเลือกประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบ 2 ผลปรากฏว่าประธานาธิบดีฌาค ชีรัค (Jacques Chirac) ผู้สมัครแนวอนุรักษ์ขวา-กลาง ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสอีกสมัยหนึ่งเป็นระยะเวลาอีก 5 ปี โดยได้รับ
คะแนนเสียงทั้งหมด 25,540,873 คะแนน หรือเท่ากับร้อยละ 82.21 ชนะคู่แข่งขัน คือนายชอง-มารี เลอ เพ็น (Jean-Marie Le Pen) ผู้สมัครแนวขวาจัด ซึ่งได้รับคะแนนเสียง 5,525,906 คะแนน หรือเท่ากับร้อยละ 17.79 ในการนี้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีได้ส่งสารแสดงความยินดีประธานาธิบดีฌาค ชีรัคในโอกาสได้รับเลือกตั้งซ้ำให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสอีกสมัยหนึ่งแล้ว
- ภายหลังทราบผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2545
นายลีโอแนล โจสแปง (Lionel Jospin) นายกรัฐมนตรีจากพรรค
สังคมนิยม (PS) ซึ่งพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบแรก โดยได้คะแนนเสียงเป็นอันดับ 3 ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดังนั้นประธานาธิบดีชีรัค จึงได้แต่งตั้งนายชอง ปิแอร์ ราฟฟาแรง (Jean-Pierre Raffarin) เป็นนายกรัฐมนตรีเฉพาะกาล เพื่อทำหน้าที่ดูแลบริหารประเทศ
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาแห่งชาติ (Assemblée Nationale) ของฝรั่งเศส จำนวน
577 คน (555 ที่นั่งจากเขตเลือกตั้งในประเทศและที่เหลือ 22 ที่นั่งจากดินแดนนอกประเทศ) จัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน 2545 และรอบที่สองเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2545 ผลการลงคะแนนเสียงปรากฏว่า พรรค Union for the Presidential Majority-UMP ซึ่งเป็นพรรคขวา-กลาง โดยเป็นการรวมตัวกันของพรรค Rally for the Republic-RPR ส่วนใหญ่ของพรรค Union for the French Democracy-UDF และพรรค Liberal Democracy-DL โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อให้การสนับสนุนประธานาธิบดีฌาค ชีรัค (Jacques Chirac) ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น โดยได้รับที่นั่งทั้งหมด 355 ที่นั่ง ตามมาด้วย พรรคสังคมนิยม (Parti Socialiste -PS) ได้รับ 140 ที่นั่ง พรรค Union for the French Democracy-UDF ซึ่งไม่ยอมย้ายไปรวมกับพรรค UMP ได้รับ 29 ที่นั่ง พรรคคอมมิวนิสต์ (Parti Communiste -PC) ได้รับ 21 ที่นั่ง พรรคฝ่ายขวาทั่วไปได้รับ 9 ที่นั่ง พรรค Radical of Lefts – PRG ได้รับ 7 ที่นั่ง พรรคฝ่ายซ้ายทั่วไปได้รับ 6 ที่นั่ง พรรค Green ได้รับ 3 ที่นั่งพรรค Rally for France-RPF ได้รับ 2 ที่นั่ง พรรค Liberal Democracy -DL ได้รับ 2 ที่นั่ง พรรค Movement Popular for France-MPF ได้รับ 1 ที่นั่ง พรรค Regionaliste-REG ได้รับ 1 ที่นั่ง และทั่วไป- DIV ได้รับ 1 ที่นั่ง ในขณะที่พรรคขวาจัด พรรค National Front -FN ของ นายชอง-มารี เลอเปน (Jean-Marie Le Pen) ซึ่งถึงแม้นายเลอ เปนได้รับคะแนนเสียงเป็นที่สองในการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสเมื่อเดือนพฤษภาคม 2545 แต่พรรค FN กลับไม่ได้รับที่นั่งแม้แต่ที่นั่งเดียวในการเลือกตั้งสภาแห่งชาติครั้งนี้
สถานการณ์การเมืองภายใน
1. รัฐบาลฝรั่งเศส ซึ่งเป็นรัฐบาลฝ่ายขวา-กลาง กำลังประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจภายในประเทศ เนื่องจากการขาดดุลงบประมาณ การเพิ่มขึ้นของอัตราการว่างงาน ปัญหาดังกล่าวทำให้สถานะทางการเมืองของนายราฟฟาแรง นายกรัฐมนตรีอยู่ในสภาวะไม่แน่นอน ประกอบกับนายราฟฟาแรงไม่สามารถทำให้พรรครัฐบาลชนะการเลือกตั้งท้องถิ่นและการเลือกตั้งสภายุโรปได้
2. มีความขัดแย้งและแย่งชิงอำนาจภายในพรรค UMP ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของฝรั่งเศส ทำให้สภาวะการเมืองภายในฝรั่งเศสยิ่งเปราะบางขึ้นอีก โดยมีความขัดแย้งระหว่างนายนิโคลัส ซาร์โกซี (Mr. Nicolas Sarkozy) รัฐมนตรีเศรษฐกิจ การคลัง และอุตสาหกรรมของฝรั่งเศส และเป็นนักการเมืองที่ชาวฝรั่งเศสนิยมมาก กับ นายชีรัค ที่ต่างหวังลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในปี 2550
3. เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2547 ฝรั่งเศสได้จัดการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกจำนวน 1 ใน 3 ของวุฒิสมาชิกของฝรั่งเศส ผลปรากฏว่าพรรค UMP ได้รับเลือกตั้ง 57 ที่นั่ง (ลดลง 6 ที่นั่ง) พรรค UDF ได้ 12 ที่นั่ง (เพิ่มขึ้น 12 ที่นั่ง) ในขณะที่พรรคฝ่ายค้าน ได้แก่ พรรคสังคมนิยม ได้ 28 ที่นั่ง และพรรคคอมมิวนิสต์ ได้ 8 ที่นั่ง อย่างไรก็ตาม พรรค UMP กับพรรคอื่นๆ ฝ่ายขวา-กลาง ยังสามารถครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาฝรั่งเศสได้ คือ 206 ที่นั่งจาก 321 ที่นั่ง
การปกครองท้องถิ่นของฝรั่งเศส
ฝรั่งเศสมีการปกครองท้องถิ่น 3 รูปแบบ คือ
1. เทศบาล (Commune)
- เทศบาลเป็นการปกครองที่เล็กที่สุดแต่ก็เป็นการปกครองที่เก่าแก่ที่สุด ตั้งแต่
สมัยศตวรรษที่ 12 แต่ได้มีการจัดตั้งเป็นทางการตามกฎหมาย ในปี 2332 (การปฏิวัติฝรั่งเศส) ปัจจุบันฝรั่งเศสมีเทศบาลประมาณ 36,763 แห่ง
- องค์การบริหารเทศบาลของฝรั่งเศสเรียกว่า Conseil Municipal ได้รับการเลือกตั้งโดยตรง ทุก 6 ปี และคณะกรรมการเทศบาลจะเลือกสมาชิกของคณะกรรมการ 1 คนทำหน้าที่นายกเทศมนตรี (Maire)
- นายกเทศมนตรีมีอำนาจในการบริหารภายในเทศบาล รวมทั้งเป็นตัวแทนของรัฐในการจัดทำนิติกรณ์ของรัฐ จดทะเบียนต่างๆ รักษาความสงบ จัดการเลือกตั้งภายใน รวมทั้งจัดทำประกาศต่างๆ ของรัฐ นอกจากนั้น นายกเทศมนตรียังทำหน้าที่ในการบริหารงบประมาณของเทศบาล และงานในความรับผิดชอบของเทศบาลนั้นๆ อาทิ โรงเรียน รถรับ-ส่งนักเรียน การกำจัดขยะสาธารณูปโภค ถนนหนทางภายในเทศบาล การวางผังเมือง ฯลฯ
2. จังหวัด (Departement)
- จังหวัดจัดตั้งขึ้นภายหลังการปฏิวัติฝรั่งเศส เมื่อปี 2332 โดยถือหลักว่า
การเดินทางโดยใช้ม้าเป็นพาหนะ จากจุดใดๆ ก็ตามในแต่ละจังหวัดไปยังศาลากลางจังหวัดต้องสามารถไป-กลับได้ภายในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและตก ปัจจุบันฝรั่งเศสมีจังหวัด 100 แห่ง
- องค์การบริหารจังหวัดเรียกว่า Conseil Général เช่นเดียวกันมีการเลือกตั้งโดยตรงทุก 6 ปี และองค์การบริหารส่วนจังหวัดนี้ จะเลือกประธานเพื่อทำหน้าที่บริหาร โดยจะต้องเป็นผู้เตรียมการ และดำเนินการประชุมขององค์การบริหารส่วนจังหวัด บริหารงบประมาณ และบุคลากร
- หน้าที่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดที่สำคัญๆ ได้แก่ การดำเนินการของวิทยาลัยจังหวัด การจัดการขนส่งภายใน การจัดการท้องถิ่น เป็นต้น
- โดยที่ฝรั่งเศสจัดว่าเป็นประเทศที่มีการปกครองแบบรวมศูนย์อำนาจเข้าสู่ส่วนกลางมาก ดังนั้น รัฐบาลฝรั่งเศสโดยระทรวงมหาดไทยโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงได้มีการ แต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด (Préfet) ไปทำหน้าที่บริหารงานในส่วนความรับผิดชอบของรัฐ ในจังหวัดนั้นๆ อาทิ การรักษาความสงบภายใน การจัดการเลือกตั้ง การให้ความช่วยเหลือในกรณีเกิดภัยพิบัติ รวมทั้งทำหน้าที่ในการประสานงานระหว่างรัฐบาลกลางกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด
3. ภาคหรือมณฑล (Région)
- ภาคหรือมณฑลเป็นการปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกิดขึ้นล่าสุด ตามนโยบาย
กระจายอำนาจเมื่อปี 2529 เป็นการรวมหลายจังหวัดเข้าด้วยกัน โดยให้จังหวัดที่ใหญ่ที่สุดเป็นที่ตั้งของภาค และผู้ว่าราชการในจังหวัดนั้นเป็นผู้ว่าราชการการภาคด้วย ปัจจุบัน ฝรั่งเศสมี 26 ภาค
- องค์การบริหารภาคเรียกว่า Conseil Regional เช่นเดียวกันมีการเลือกตั้งโดยตรงทุก 6 ปี และองค์การบริหารภาคนี้ จะเลือกประธานเพื่อทำหน้าที่บริหาร โดยจะต้องเป็น ผู้เตรียมการ และดำเนินการประชุมขององค์การบริหารภาค ตลอดจนบริหารงบประมาณ และบุคลากรภายในภาค
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น