2552/06/09

พระราชวังแวร์ซายส์ *


พระราชวังแวร์ซายส์ วิมานบนดินของจักรพรรดิ
วิมานบนดินของจักรพรรดิ ที่สร้างขึ้นอย่างโอฬารที่สุด เป็นสถาปัตยกรรมที่วิจิตรพิสดาร โอ่อ่า และทรงคุณค่าสวยงามที่สุด จนเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกชิ้นหนึ่ง ซึ่งใครเป็นเห็นแล้วต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ยากที่มนุษย์ธรรมดาจะได้" นั่นคือ พระราชวังแวร์ซายส์ ประเทศฝรั่งเศส

แวร์ซายส์ เป็นชื่อเมืองเก่าแก่แห่งหนึ่งของฝรั่งเศส ตั้งอยู่ที่กรุงปารีส ซึ่งขนาดนั้นเป็นเมืองชั้นโทที่ห่างไกลความเจริญ มีป่าละเมาะหนาทึบ การเดินทางเต็มไปด้วยความทุรกันดารอย่างยิ่ง แต่....

ในระหว่างศตวรรษที่ 16 รัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 แห่งฝรั่งเศส หลังจากที่กรุงปารีสได้รับการเสริมแต่งให้เป็นมหานครที่อุดมด้วยทรัพย์สมบัติ และความงามอันเลอล้ำยิ่งกว่านครใดในพิภพ แล้วพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ผู้ทรงโปรดการประพาสล่าสัตว์ไดเสด็จออกล่าสัตว์ที่ป่านอกเมืองแวร์ซายส์ประจำ และเพื่อให้มีที่พักถาวรจึงโปรดให้สร้างปะรำพลับพลา เพื่อการประทับส่วนพระองค์ในขณะออกประพาสล่าสัตว์ขึ้น ณ ป่านอกเมืองแวร์ซายส์

ปะรำพลับพลาหลังแรกถูกสร้างขึ้นอย่างเป็นทางการใน ค.ศ. 1631 ต่อมา ความผูกพันระหว่างแวร์ซายส์กับราชวงศ์นั้นมีมากขึ้น ระหว่างปี ค.ศ. 1661-1681 พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ผู้ต้องการให้ชาวโลกได้เห็นว่า ความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ และความเลอล้ำของโลกมารวมอยู่ที่ฝรั่งเศสทั้งหมด ได้มีการสั่งให้รื้อปะรำพลับพลาที่สร้างไว้ครั้งพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ทิ้ง โปรดให้สร้างเป็นพระราชวังใหญ่ด้วยหินอ่อน และตกแต่งอย่างวิจิตรพิศดาร ด้วยสิ่งประดับที่หาค่ามิได้ ทั้งลวดลายแกะสลักในไม้และหิน เครื่องเคลือบ เครื่องเงิน เครื่องทอง หินอ่อน และงานฝีมือชั้นเยี่ยม โดยช่างชั้นครูที่ได้รับเลือกคัดเลือกมาเพื่อสรรค์สร้างพระราชวังแวร์ซายส์ให้เป็นที่หนึ่งไม่มีสองของโลก สิ้นค่าก่อสร้างไปเป็นเงินถึง 500 ล้านฟรังค์

ทั่วโลกยกย่องว่า พระราชวังแวร์ซายส์ เป็นที่รวบรวมแห่งเอกลักษณ์แห่งศิลปกรรมของฝรั่งเศสที่เคยกระฉ่อนโลกทั้งมวล จนมีคำกล่าวว่า "คราใดใครได้เยือนแวร์ซายส์ ครานั้นเขาได้เห็นโลกอันศิวิไลซ์ที่แท้จริงแล้ว"
พระราชวังแวร์ซายส์ เป็นพระราชวังที่ประทับที่สมบูรณ์แบบ จัดห้องเป็นสัดส่วนอย่างสมพระเกียรติที่สุด และแต่ละห้องได้สร้างอย่างวิจิตรบรรจง ให้ความสอดคล้องกับเหตุการณ์ และนามของห้องอย่างยิ่ง

วิมานชั้นแรกของพระราชวงศ์แวร์ซายส์ คือ วัดน้อย เป็นโบสถ์ที่ประกอบพิธีทางศาสนาของพระมหากษัตริย์ ณ โบสถ์แห่งนี้พระราชโอรสธิดาเจ้าทั้งหลายได้รับการตั้งพระนาม และทำพิธีอภิเษกสมรด้วย โบสถ์นี้วิจิตรตระการตาด้วยลายสลักหินทั้งแท่ง สูงชะลูดขึ้นไปเป็นระเบียงชั้นบน เพดานวิจิตรด้วยรูปวาดเกี่ยวกับการสร้างสรรค์และเทพฟ้าดิน โออ่ายิ่งนัก

ต่อไปเป็น ห้องเฮอร์คิวลิส เป็นห้องหินอ่อนอิตาลีล้วน จัดเป็นพระอักษรที่ฬหญ่ที่สุดของตัวประสาทบน เพดานวิจิตรตระการตาด้วยภาพวาดเรื่องราวของเทพเจ้าเฮอร์คิวลิส ผู้ทรงพลังตามตำนานกรีก สถาปนิกผู้ออกแบบห้องนี้ คือ โรแบร์ เดอ คอท ห้องวีนัส เป็นห้องพักราชทูตที่เดินทางมาถวายพระราชสาส์นตราตั้งก่อนเข้าเฝ้า กำแพงห้องด้อนหนึ่งเจาะลึก มีรูปปั้นชุนทรงศึกอันภูมิฐาน แบบโรมันของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (ตามประวัติศาสตร์ระบุไว้ว่าโกษาปานราชทูตของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา ครั้งเดินทางไปถวายสาส์นแด่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ก็ได้เข้าพักในห้องวันัสนี้ด้วย)

เพดานห้องวีนัสวิจิตรด้วยภาพเทพธิดาแห่งความงามและความรักล้ำเลิศเป็นที่น่าประทับใจนักห้องต่อไปเป็น ห้องไดอาน่า ห้องนี้ใช้เป็นห้องพักผ่อนในพิธีบิลเลียด ที่ผนังทั้งสองด้านดารดาษด้วย รูปเทพธิดาไดอาน่าประทับรถม้าหลวงออกล่าสัตว์ กล่าวกันว่านามเทพธิดาไดอาน่าเป็นนามเทพีแห่งการล่าสัตว์ห้องมาส์ เป็นห้องโถงใหญ่ ตกแต่งหรูหราด้วยภาพวาดและพรมถัก ใช้เป็นห้องคอนเสิร์ตส่วนพระองค์กับพระสหาย ตั้งนามเทพบุตรแห่งสงคราม
ห้องอพอลโล ตั้งนามเทพอพอลโล เจ้าแห่งแสงสุริยาและความปราดเปรื่อง จัดเป็นห้องทรงพระอักษรอันมโหฬารที่สุด
ห้องกระจกฮอล ออฟ มิเรอร์ ห้องนี้เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดของแวร์ซายส์ในรอบ 4 ศตวรรษ ออกแบบได้เลิศวิไล โดยสถาปนิกเอก มอนสาร์ท ห้องนี้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรกำกับการก่อสร้างเอง ทั้งห้องประกอบด้วยกระจกบานยักษ์ 17 บาน เมื่อเปิดออกแล้ว สวนแวร์ซายส์อันสวยสดงดงามดุจสวนสวรรค์จะปรากฏบนกระจกทั้งแถบของกำแพงด้านใน เป็นที่ตระการตาแก่ผู้ได้พบเห็นยิ่งนัก

ห้องกระจกอันวิเศษสุดห้องนี้ ได้ใช้ต้อนรับแขกเมือง หรือจัดพิธีเลี้ยงรับรองคณะราชทูต เป็นเวลาถึง 300 ปี หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ห้องนี้ได้ใช้เซ็นสนธิสัญญาครั้งสำคัญถึง 2 ครั้ง คือ สนธิสัญญาตั้งอาณาจักรเยอรมัน และสนธิสัญญาแวร์ซายส์ "สงบศึกสงครามโลกครั้งที่ 1"

ห้องชุดส่วนตัวของพระราชินี อยู่อีกด้านหนึ่งของวัง ถูกแยกออกไปคนละส่วนกับพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์มีห้องต่างหาก ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ไม่ว่าจะเป็นห้องฉลององค์,ห้องว่าราชการ,ห้องบรรทม,ห้องเสวย,ห้องงานเลี้ยงต่างๆ ความหรูหราของเครื่องตกแต่งห้องได้รับการเพิ่มเติมตกแต่งหรือดัดแปลงไปตามความโปรดปรานของเจ้านายแต่ละพระองค์ แต่ห้องราชการหลวงจะยังคงอยู่ตามความประสงค์ของรัชกาลเดิม เช่น ห้องโคโรเนชัน,ห้องประชุมองคมนตรี ฯลฯ

ที่พิเศษอีกอย่างหนึ่ง สำหรับ ห้องชุดพระเจ้าหลุยส์ ได้ถูกสร้างไว้พิเศษม่ก มีประตูและบันไดลับที่ไม่เคยมีใครล่วงรู้ กล่าวกันว่า พระเจ้าหลุยส์ทุกพระองค์จะมีสนมคนละนับไม่ถ้วน สนมคนใดถูกพระทัยจะได้ทรัพย์สินเงินทอง หรอืตำหนักส่วนตัวในห้องลับส่วนพระองค์ เช่น ห้องชุดของมาดามคู บารี่ สนมคนโปรดของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ซึ่งพระองค์ดัดแปลงของแกลเลอรีส่วนพระองค์ ให้เป็นตำหนักใหม่ของมาดามคนนี้ที่เดียว

กษัตริย์ฝรั่งเศสทุกพระองค์จะโปรดศิลปะและดนตรีเป็นจิตใจ ดังนั้นในตำหนักหลวงจึงสร้างขึ้นเป็นโรงละครโอเปร่า ประจำพระราชสำนัก โดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 รับสั่งให้ กาเบรียล โอเปร่า สถาปนิกที่มีชื่อเสียงเป็นคนออกแบบสร้างขึ้น และได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ใน ค.ศ. 1769 เพื่อใช้สำหรบงานรื่นเริงในโอกาสวันอภิเสกสมรสของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กับดัชเชสมารี อังตัวเนต ใช้เวลาการตกแต่งใหม่ใช้เวลา 21 เดือน เสริมไม้สลักงดงามทั้งหลัง

อุทยานแวร์ซานส์ เป็นสวนยิ่งใหญ่งดงามที่สุด ที่รายล้อมพระราชวังแวร์ซายส์ สถาปนิกแต่งสวนระดับโลกชื่อ เลอโนทด์ ร่วมกับช่างใหญ่ผู้ออกแบบสร้างวังทั้งสองท่าน คือ เลอบรัง และมอนสาร์ท เริ่มตกแต่งอย่างสมบูรณ์แบบในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 15

อุทยานแวร์ซานส์ เป็นอุทยานต้นตำรับแแบบฝรั่งเศสที่ทั่วโลกยอมรับ มีเนื้อที่กว้างใหญ่ไพศาลถึง 14,820 เอเคอร์ ประกอบด้วยสระน้ำเล็กๆขึ้นไป จนถึงทะเลสาบจำลองขนาดใหญ่ พระเจ้าหลุยส์รับสั่งให้สร้างรูปปั้น รูปหล่อทองแดงของธรรมขชาติทุกสิ่งไว้ ตั้งแต่รูปสัตว์จนถึงรูปปั้นเทพเจ้าทั้งหลายตามตำนานกรีกโบราณ เพื่อประกาศความเกรียงไกรของวัฒนธรรมฝรั่งเศส

เทคนิดการชลประทานแบบใหม่ในครั้งนั้นได้ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรก โดยขุดคลองต่อจากแม่น้ำเชนน์มาที่แวร์ซายส์ เพื่อใช้เครื่องปั้มน้ำพุ่งขึ้นมาเป็นน้ำพุทั้วอุทยาน บรรดาพฤษชาติได้นำมาปลูกทดลองในอุทยาน โดยแยกพันธุ์ให้เข้ากับฤดูการที่ผันแปรไป มีผู้กล่าวกันว่า บรรยากาศโดยรอบพระราชวังแวร์ซายส์นั้น ไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อนหรือฤดูหนาว ดูเหมือนจะถูกกำหนดให้เข้ากับอุทยานอย่างน่าอัศจรรย์ ตามประวัติศาสตร์ บันทึกเหตุการณ์อันสยดสยองไว้เกี่ยวกับพระราชวังแวร์ซายส์ว่า

เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายส์อันล้ำเลิศและมหัศจรรย์ที่สุดในโลกนี้ ได้มาจากภาษีอากรชาวฝรั่งเศส หัวอกชาวฝรั่งเศสทุกคนคุมแค้น ในความฟุ้งเฟ้อของกษัตริย์ยุคนั้นเป็นอย่างมาก และ วันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 1789 ประชาชนผู้ยากไร้ ซึงมีหัวใจเต็มไปด้วยความคั่งแค้น ก็ยกกองทัพเฮโลกันเข้ายึดพระราชวังแวร์ซายส์ บังคับให้พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 พร้อมด้วยราชวงศ์เดินทางกลับกรุงปารีส และจับส่งเข้าควบคุมตัวในเรื่อนจำ จนกระทั่งที่สุดถูกประหารชีวิตด้วยกิโยติน พร้อมกับนางมาลีอังตัวเนต นี้คือประวัติให้ของชาติฝรั่งเศส และจุดจบของวังจักรพรรดิที่ครั้งหนึ่งได้รับว่าเป็นนครหลวงแห่งใหม่ของฝรั่งเศสเป็นเวลา 100 ปีเต็ม

ปัจจุบัน พระราชวังแวร์ซายส์ยังทรงความสวยงามเลิศล้ำ เป็นสถานที่รับแขกเมือง ที่ประชุมสำคัญ โดยเฉพาะ จัดเป็นสิ่งมหัศจรรย์ 1 ใน 7 ของโลกยุคปัจจุบัน ที่ชาวโลกทั้งมวลต่างกล่าวขวัญถึงว่า เลิศล้ำยิ่งใหญ่ที่สุด สมกับเป็นวิมานบนดินของจักรพรรดิจริงๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น