2552/07/14

>>Bastille Day ;]

ประวัติวันชาติ ของประเทศฝรั่งเศส
" วันบาสตีย์" (Bastille Day) หรือที่รู้จักกันในนามของ "วันชาติฝรั่งเศส" ตรงกับวันที่ 14 กรกฎาคม ของทุกปี



ซึ่งถือเป็นวันแห่งการปฏิวัติการปกครองจากระบบ เจ้าขุนมูลนายไปสู่การปกครองในระบบสาธารณรัฐ โดยประชาชนทั่วทั้งประเทศได้ร่วมกันต่อต้านการปกครองแบบยุคโบราณจนกระทั่ง ได้รับชัยชนะเป็นครั้งแรกจากการบุกเข้าทลายคุกบาสตีย์ที่เปรียบเสมือน สัญลักษณ์ของการกดขี่ประชาชนเมื่อปี ค.ศ. 1789

การปฏิวัติครั้งนี้เป็นการล้มล้างระบบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ได้สำเร็จ นำไปสู่การประกาศ "สิทธิของมนุษยชนและพลเมือง" เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 1789 (พ.ศ. 2332) โดยสมัชชาแห่งชาติได้กำหนดโครงสร้างกฎหมายฉบับใหม่ที่ยกเลิกการให้ความมีเอกสิทธิ์ ขจัดเรื่องสินบนและล้มเลิกระบบฟิวดัล (ระบบศักดินา)

จากนั้นต่อมาได้มีการจัดงานฉลองแห่งชาติที่เรียกว่า "The Feast of the Federation" เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปี ของเหตุการณ์จลาจลที่กองกำลังแห่งชาติจากทั่วประเทศได้เดินทางรวมพลกันที่ "Champs-de-mars" ในกรุงปารีส

แต่หลังจาก ปี ค.ศ 1790 การฉลองรำลึกถึงเหตุการณ์ 14 กรกฎาคม ต้องมีอันหยุดไปเนื่องจากสถานการณ์ภายในประเทศไม่สงบเกิดสงครามปฏิวัติขึ้นหลายครั้งในช่วงปี ค.ศ. 1792-1802 (พ.ศ. 2335-2343)

มาในสมัย "The Third Republic" รัฐบาลมีความคิดที่จะรื้อฟื้นการจัดงานเฉลิมฉลองวันชาติฝรั่งเศสขึ้นมาใหม่ โดยมีการผ่านร่างกฎหมาย ฉบับวันที่ 6 กรกฎาคม ค.ศ. 1880 (พ.ศ. 2423) ขึ้นมา โดยกำหนดให้วันที่ 14 กรกฎาคม ของทุกปีเป็น "วันชาติฝรั่งเศส" อย่างเป็นทางการ และได้มีการจัดงานเฉลิมฉลองขึ้นในปีเดียวกัน

การเฉลิมฉลองจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนกลาง คืนของวันที่ 13 โดยจะมีการแห่คบเพลิงและล่วงเข้าวันรุ่งขึ้นของวันที่ 14 เมื่อระฆังตามโบสถ์วิหารต่าง ๆ รวมทั้งเสียงปืนดังขึ้น นั่นเป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ว่างานฉลองได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

เริ่มจากริ้วขบวนการสวนสนามของเหล่าทัพต่าง ๆ ต่อหน้าผู้นำสาธารณรัฐ ซึ่งถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ เมื่อถึงช่วงเวลากลางวันประชาชนจะร่วมฉลองกันด้วยการเต้นรำอย่างรื่นเริงสนุกสนานไปตามท้องถนนรวมทั้งมีการจัดเลี้ยงกันอย่างเอิก เกริกจนถึงเวลาค่ำ

สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการจุดพลุและการเล่นดอกไม้ไฟที่ถือเป็นประเพณีปฏิบัติกันมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้นยัง มีสิ่งสร้างความบันเทิงอื่น ๆ อีกมากมายที่จัดทั่วประเทศ ทั้งการแข่งขันกีฬา การจัดนิทรรศการ และงานแสดงสินค้า

สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างฝรั่งเศสกับไทยนั้น มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรี อยุธยา ซึ่งตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ของฝรั่งเศส โดยคณะทูตของฝรั่งเศสนำโดย "เชอวาเลีย เดอ โชมองต์" ราชทูตเข้าเฝ้าสมเด็จพระนารายณ์ที่กรุงศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ. 1685 (พ.ศ. 2228)

ส่วนประเทศไทยมี "โกษาปาน" หรือ "ออกพระวิท สุทธิสุทร" เป็นราชทูตเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศฝรั่งเศส โดยเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ณ พระราชวังแวร์ซายส์ ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1686 (พ.ศ. 2229)

จากนั้นมาไทยกับฝรั่งเศสมีการติดต่อความสัมพันธ์กันเรื่อยมา ทั้งการพาณิชย์ การศึกษา จนทำให้ประเทศไทย และฝรั่งเศส ได้มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกันเมื่อ วันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1856 (พ.ศ. 2299) ซึ่งเป็นวันที่มีการ ลงนาม "Treaty of Friendship, Commerce and Naviga tion"

ต่อมาในปี ค.ศ. 1889 (พ.ศ. 2433) ประเทศไทยได้ตั้งสำนักงานและเอกอัครราชทูตประจำกรุงปารีส และยกฐานะ ขึ้นเป็นสถานเอกอัครราชทูตในปี ค.ศ. 1949 (พ.ศ. 2492) ซึ่งไทยและฝรั่งเศสได้จัดงานเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส ครบรอบ 300 ปีขึ้น เมื่อปี ค.ศ. 1985 (พ.ศ. 2528)

การเฉลิมฉลองในวันที่ 14 ก.ค. เป็นการย้ำเตือนความทรงจำและความหวังของชนชาวฝรั่งเศสแห่งเสรีภาพ และยังคงเป็น "วันชาติฝรั่งเศส" ไปอีก
นานแสนนาน.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น