2554/01/06

มุมการมองของ 4 นักคิดชื่อดัง

ตะไคร้หอมได้รวบรวมคัดลอกบทสัมภาษณ์บางส่วนเกี่ยวกับมุมมองในการคิดของบุคคลต่าง ๆ เอามาแบ่งปันให้เพื่อน ๆ ได้ลองอ่านกันนะคะ ต้องขอบคุณเรื่องราวดีดีแบบนี้จากนิตยสารเดอะซีเคร็ทด้วยนะคะ

สตีเฟ่น ฮอว์กิ้ง
ประวัติโดยย่อของสตีเฟ่น ฮอว์กิ้ง

ได้รับการยกย่องจากนักวิทยาศาสตร์ด้วยกันว่าเขาคือนักฟิสิกส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกซี่งยังมีชีวิตอยู่ เทียบได้กับ แอลเบิร์ต ไอน์สไตน์ จากผลงานการอธิบายสภาวะของ “หลุมดำ” และ “การกำเนิดของจักรวาล” ซึ่งถือเป็นการเปิดศักราชให้แก่วิชา “จักรวาลวิทยา” ซึ่งเป็นฟิสิกส์กระแสหลักของโลกปัจจุบัน
สตีเฟ่นเรียนจบด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง และตัดสินใจเรียนต่อระดับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ แต่หลังจากเริ่มเรียนได้ไม่นานนัก เขาก็ได้รับข่าวร้ายที่สุดในชีวิต หมอวินิจฉัยว่าเขาป่วยเป็นโรคกลไกประสาทเสื่อม( Motor Neurone Disease) ซึ่งประสาทส่วนกลางจะค่อยๆ สูญเสียการควบคุมกล้ามเนื้อไปเรื่อยๆ จนในที่สุดร่างกายทุกส่วนจะเป็นอัมพาต เว้นแต่เพียงสมองเท่านั้น และหมอยังคงบอกว่าโรคนี้ยังไม่มีทางรักษา เขาคงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียง 2-3 ปีเท่านั้น คำวินิจฉัยดังกล่าวทำให้สตีเฟ่นซ็อกไปช่วงหนึ่ง แต่เขาก็ตั้งตัวได้ในเวลาต่อมา สตีเฟ่นกล่าวว่า “โรคร้ายทำให้ผมเข้าใจความหมายของชีวิตเป็นครั้งแรกเมื่อก่อนผมรู้สึกว่าชีวิตของผมช่างน่าเบื่อหน่ายจนไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร จนเมื่อความตายมารออยู่ตรงหน้า ผมจึงมองเห็นความฝันของตัวเองชัดขึ้น ผมรู้แล้วว่าผมสามารถสร้างผลงานอันมีคุณค่าได้มากมายมหาศาล ถ้าเพียงผมไม่ตายเท่านั้น” คนสำคัญอีกคนหนึ่งที่ช่วยเรียกขวัญและกำลังใจของสตีเฟ่นให้กลับคืนมาได้ก็คือ เจนไวลด์ แฟนสาวที่ตกลงหมั้นหมายกับเขาเกือบจะทันทีที่ได้รู้ข่าวนี้

ตัวช่วยที่ทำให้สตีเฟ่นทำงานได้ราวกับคนปกติก็คือคอมพิวเตอร์ที่มีโปรแกรมสำหรับเลือกคำและเรียบเรียงประโยค กับโปรแกรมสำหรับแปลงตัวหนังสือให้เป็นเสียง ซึ่งเขาสามารถสั่งการได้ด้วยนิ้วเพียงสองนิ้วเท่านั้น

การใช้ชีวิตของสตีเฟ่นหลังจากเกิดปัญหาโรคร้าย

แม้ว่าผมต้องรับมือกับโรคกลไกประสาทเสื่อมมาตลอดช่วงวัยผู้ใหญ่ของผม แต่สิ่งนี้ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการมีชีวิตครอบครัวที่น่ารักหรือการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแต่อย่างใด นี่เป็นเพราะผมได้รับความช่วยเหลือจากเจน ลูกๆ ทั้งสาม และผู้คนจำนวนมากตลอดจนหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ผมคิดว่าตัวเองโชคดีที่อาการของโรคทรุดลงช้ากว่าปกติมาก ซึ่งก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า คนเราไม่ควรสิ้นหวัง”



ทันตแพทย์สม สุจีรา

ถ้าให้นิยามตัวเอง คุณหมอคิดว่าตัวเองเป็นคนแบบไหนคะ
ผมเป็นคนที่มีแรงบันดาลใจสูง ผมว่าสำคัญนะ เพราะชีวิตคนเราจะประสบความสำเร็จได้มันขึ้นอยู่กับสามแรง คือ แรงจูงใจ แรงขับ และแรงบันดาลใจ แต่แรงขับมันจะเป็นทุกข์ คนที่จะพยายามจะไปข้างหน้าด้วยแรงขับจะเกิดทุกขเวทนาสูง ส่วนแรงจูงใจจะทำให้เกิดความโลภ อย่างนักกีฬาที่ซ้อมเพื่อเงินรางวัลจะต่างกับนักกีฬาที่ซ้อมด้วยแรงบันดาลใจ เขาจะมีแรงจากภายในขึ้นมาช่วยอย่างมหาศาล เพราะฉะนั้นแรงบันดาลใจจึงสำคัญมากๆ

เวลามีความทุกข์คุณหมอคิดอย่างไรคะ
ไม่ว่ามีคนชมหรือมีคนว่า ผมจะรู้สึกเฉยๆ คือ ถ้าเวลาสุข เรามีสติเฝ้าดู จะเห็นว่าความสุขมันก็แค่นี้ เวลามีทุกข์ก็เหมือนกัน ถ้าเราฝึกดึงสุขออกจากใจเราได้ ความทุกข์ก็ดึงได้เหมือนกัน ฝึกไปเถอะ ตอนสุขดึงง่ายกว่าตอนทุกข์ ดีใจมากๆ ปุ๊บ ตั้งสติ เราจะดีใจไปทำไม นั่งดูไปเลยว่า ความดีใจเป็นอย่างนี้นะ พอฝึกได้ถึงจุดหนึ่ง วันที่เราเสียใจ เราก็นั่งดูได้เหมือนกัน ผมก็เลยรู้สึกเฉยๆ



โอปอล์ ปาณิสรา พิมพ์ปรุ
คำนิยามตัวเอง
ปอล์รักใครแล้วรักมาก ให้ได้ทุกอย่าง และเชื่อเสมอว่า ถ้าเราอยากให้ใครดีกับเรา เราก็ต้องดีกับเขา ใครอาจจะมองว่าปอล์เป็นคนที่ดูเปรี้ยว ดูแรง แต่คนที่ใกล้ชิดจะรู้ว่าปอล์ไม่ชอบเที่ยวกลางคืน เพิ่งมาเที่ยวบ้างก็ช่วงหลังเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว ส่วนหนึ่งเพราะไม่อยากให้พอแม่เป็นห่วง และอยากทำให้เป้าหมายในชีวิตให้สำเร็จด้วยการเป็นลูกที่ “เอาดี”ให้พ่อแม่ให้ได้

มุมมองเวลาเจอความทุกข์
ตลอดเวลาที่ผ่านมา พ่อจะสอนตลอดว่า สิ่งที่เข้ามาไม่ว่าจะเป็นสุขหรือทุกข์ ให้มองเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ใครก็พานพบ วันนี้ยิ้มได้ อีกวันก็ร้องไห้ได้ เป็นเรื่องธรรมดา เดี๋ยวทุกย่างก็จะผ่านไป ที่สำคัญ เมื่อมีความทุกข์ เราจะรู้ว่ายามสุขนั้นดีแค่นไหน ท่านจะสอนให้เรารู้จักปล่อยวางแล้วคิดเสียว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อย่ายึดติด

จำได้ว่าช่วงเรียนมหาวิทยาลัย ปัญหาหนี้สินรุมเร้าอย่างหนักถึงขนาดโดนยึดบ้าน เป็นคนอื่นอาจจะเครียดหนัก แต่พ่อปอล์ทำใจได้ ท่านบอกว่า “ถ้าเขาจะยึดก็ให้ยึดไปลูก อย่าไปทุกข์เลย” ยิ่งไปกว่านั้นพ่อกับแม่ยังเป็นคนใจบุญทั้งคู่ ช่วงไหนที่เราพอมีกินมีใช้ พ่อก็จะให้ลูกๆ นำเสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้ว ยาสีฟัน ขนม ฯลฯ แพ็คใส่ถุงไว้หลายๆ ถุงแล้วนำไปไว้ในรถ เพื่อไว้แจกคนขายพวงมาลัยที่เรร่อน บางครั้งท่านก็ทำแซนด์วิชแฮม ไข่ดาว ไว้เป็นสิบๆ ชิ้นเพื่อไว้แจกคนที่มาเช็ดกระจก หรือวันไหนไปกินอาหารฟาสต์ฟู้ด ถ้ามีเด็กมาเกาะกระจกมอง พ่อก็จะเรียกให้มากินเลย สิ่งนี้ทำให้ปอล์เรียนรู้เรื่องการเป็นผู้ให้มาตั้งแต่เด็ก โดยไม่ต้องมีใครมาสอน ทุกวันนี้ถ้าปอล์ทำงานได้เงินมาก้อนหนึ่งจะเก็บส่วนหนึ่งไว้ทำบุญทุกครั้ง ถ้าไม่ทำบุญกับพุทธศาสนาก็จะบริจาคให้เด็กๆ ที่ติดเชื้อเอชไอวี หรือบริจาคช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย


แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์

เวลามีความทุกข์ คุณหมอมีวิธีการจัดการอย่างไรคะ

หมอจะถามตัวเองว่าความทุกข์นั้นคืออะไร เราจะยังอยากทุกข์อีกไหม ถ้าไม่อยากทุกข์อีกแล้วจะทำอย่างไร ก็คือต้อง นิพพาน หมอไม่อยากเกิดอีก เพราะเมื่อเกิดแล้วย่อมมีความทุกข์ พอหมออายุมากขึ้น เมื่อไรที่อารมณ์ไม่ค่อยดี มีความทุกข์อะไรก็ตามแต่ หมอจะเตือนตัวเองว่า ไม่เอา ทิ้งไป ไม่ใช่ทิ้งไว้ให้ตกตะกอนนะ แต่ต้องทิ้งไปเลย ยกตัวอย่างสิ่งที่หมอได้เจอมาในระยะหลัง หนึ่งคือ ความอิจฉาริษยา ซึ่งแรงมาก มาจากทุกด้านทุกกลุ่ม หมอจะรู้สึกว่าน่าเบื่อ สอง คือ ถูกกล่าวร้าย ทั้งๆ ที่หมอไม่ได้ทำ ตอนแรกที่หมอเข้าไปอ่านกระทู้ที่อินเตอร์นเน็ต แล้วร้องไห้เลย โอ้โฮ โดนด่า ซึ่งไม่ใช่เรื่องจริง เขาว่าหมอคนอื่นก็เก่ง หมอนิติเวชไม่ได้มีคนเดียว ทำไมหมอพรทิพย์เรื่องมาก ถ้าหมอจะคิดให้ทุกข์ก็ทุกข์ คิดไม่ทุกข์มันก็ไม่ทุกข์ หมอเริ่มเรียนรู้และเข้าใจว่า เราต้องดูแลอัตตาของเราให้ดี ถ้าโตมาก พองมาก เราจะเจ็บ เพราะฉะนั้นเวลาไปอ่านที่เขาโพสต์แล้วเอาอัตตาของเราไปรับ เราจะเจ็บ แต่พอเราเริ่มฝึก คิดว่าช่างมันเถอะ หัดลดขนาดของอัตตาเราลง ก็จะรู้สึกว่ามันหายโกรธไปได้

ความสำเร็จในงานของคุณหมอขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไรบ้างคะ

ความสำเร็จอยู่ที่ หนึ่ง ความบริสุทธิ์ของจิตที่มีความตั้งใจในการทำงาน สอง ขึ้นอยู่กับเราให้ใจ มีความตั้งใจ และจริงใจกับงานแค่ไหน ซึ่งหมอคิดว่าเป็นแก่นของการทำงาน ความบริสุทธิ์ของจิตต้องถูกต้องในทางธรรมแล้วเราจะมีพลังแก่กล้า เรื่องนี้พิสูจน์ได้จากภารกิจที่สามจังหวัดชายแดนใต้ หมอลงไปทำงานมาเกือบเจ็ดปี แล้ววันหนึ่งเริ่มสัมฤทธิ์ผลทีละนิดก็เริ่มรู้สึกมหัศจรรย์ เพราะว่าหมอได้รับโอกาสไปช่วยทำงานไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ อีกเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เป็นการทำงานของตำรวจ ทำไมสิบเปอร์เซ็นต์ของหมอถึงสัมฤทธิ์ผล ไม่ใช่เพราะหมอเก่งแต่เป็นเพราะพลังของความบริสุทธิ์กับพลังแห่งความตั้งใจอยากให้ดินแดนภาคใต้สงบสุข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น