2552/08/17

ภัยลึกลับในอนาคต แห่งวัฏสงสาร

ภัยลึกลับในอนาคต แห่งวัฏสงสาร
จากหนังสือ "กรรมทีปนี" พ.ศ. ๒๕๑๗ หน้า ๑๐๘๙
โดย พระเทพมุนี (วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.๙) เจ้าอาวาสวัดดอน กรุงเทพมหานคร


ใน ปัจจุบันกาลนี้ ถึงแม้ว่าเราจะโชคดีโดยได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาที่บรรจุคำสอนเรื่องกรรมไว้อย่างถูกต้องตามความเป็นจริงแล้วก็ ตามที แต่ก็อย่าเพิ่งดีอกดีใจในความเป็นผู้โชคดีของเราให้มากมายไปนัก ทั้งนี้ก็เพราะว่าเรายังไม่หมดกรรม ยังมีกรรมอยู่มากมาย ตราบใดที่ยังเผาผลาญสังหารกรรมไม่ได้ คือ ยังมีกรรมมีเวรเป็นปุถุชนอยู่ ตราบนั้น ปราชญ์ผู้มีปัญญาทั้งหลายท่านเตือนว่าให้คอยระวัง ! ระวังอะไร ระวังภัยลึกลับในอนาคต ที่คอยจ้องตะครุบสัตว์โลกเอาไปบริโภคเป็นอาหารอยู่ตลอดกาล เพราะมีฤทธิ์เดชร้ายกาจนักหนา ภัยลึกลับในอนาคตมีฤทธิ์ร้ายที่ควรนำมากล่าวไว้ มีอยู่ดังต่อไปนี้

"นานาสัตถุอุลโลกนภัย"
ภัยลึกลับในอนาคต ซึ่งมีชื่อปรากฏเป็นศัพท์ว่า "นานาสัตถุอุลโลกนภัย" นี้ ได้แก่ภัยอันเกิดจากการคอยแหวนหน้ามองดูศาสนาต่างๆ อย่างไม่มีวันสิ้นสุด หมายความว่าอย่างไร หมายความว่า ในชาตินี้เรามีโชคดีได้เกิดมาเป็นมนุษย์ และได้มีโอกาสพบเคารพเลื่อมใสพระบวรพุทธศานาวิเศษ โดยมีสมเด็จพระสรรเพชญสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นองค์พระศาสดา เป็นศาสนาประเสริฐ มีคำสอนสมบูรณ์ถูกต้องตามสภาพธรรมความเป็นจริง เมื่อมีใจศรัทราอุตสาหะปฏิบัติตามหลักการพระพุทธศาสนา ก็อาจจะคว้าเอาสมบัติตามจิตปรารถนาบรรดามี คือ มนุษย์สมบัติ เทวสมบัติ พรหมสมบัติ ตลอดจนถึงนิพพานสมบัติ มาไว้ในอุ้งหัตถ์แห่งตนได้โดยง่าย


หากว่า เราตายจากโลกนี้ไปแล้ว มีคติผ่องแผ้วกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกในอนาคต การที่ว่าจะมีโอกาสสดใสได้พบพระพุทธศาสนาอีกนั้น เป็นอันยากยิ่งยากนักหนา ทั้งก็เพราะว่า พระบวรพุทธศาสนาวิเศษแห่งเรานี้ ใช่ว่าจะเป็นศาสนาที่อยู่ประจำโลกเมื่อไรเล่า ปรากฏอยู่ในโลกเป็นครั้งคราวชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น แล้วก็จะถึงกาลล่วงลับดับสูญไป เมื่อเราเกิดมาใหม่ไม่พบพระพุทธศานาแล้วจะพบอะไร ก็ต้องพบศาสนาที่ศาสดาอื่นประกาศขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นศาสนาอะไรก็ได้มีไม่ใช่บวรพระพุทธศาสนา ด้วยว่า ธรรมดาสันดานของมนุษย์ทั้งหลายมักชอบอวดรูอวดฉลาดอยู่เป็นวิสัย เห็นใครโง่กว่าตน ก็มักอวดตนเป็นผู้วิเศษโดยแสดงตนเป็นศาสดา ประกาศลัทธิศาสนาไปตามสติปัญญาอันโง่เขลาแห่งตน เช่น ศาสดาปูรณกัสสปผู้ประกาศลัทธิศาสนามิจฉาทิฐิเป็นต้น มนุษย์ที่ชอบแสดงตนเป็นศาสดาเจ้าลัทธิประกาศศาสนาตามใจชอบนี้ ย่อมมีประจำมนุษย์โลกอยู่เนืองนิตย์ เมื่อเราเกิดเป็นมนุษย์ในอนาคตแล้วได้ฟังคำสอนผิดๆ จากปากของผู้ที่แสดงตนเป็นศาสดา ซึ่งประกาศออกมาว่า

''เจ้า ทั้งหลายเอ๋ย ! บาปบุญไม่มี นรกสวรรค์ไม่มี คุณแห่งบิดามารดาไม่มี คนเราตายไปแล้วก็แล้วกัน ฉะนั้น เจ้าทั้งหลายไม่ต้องประหวั่นพรั่นพรึงอะไร อยากทำการสิ่งใดจงทำไปเถิดตามใจชอบ อย่ากลัวเรื่องบาปบุญคุณโทษหรือนรกสวรรค์ ที่คนโบราณว่าให้เสียเวลาเลย เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นไปไม่ได้ คือไม่มี เป็นสิ่งที่คนโบราณเพ้อฝันไปเองต่างหากเล่า''

" เออ...เห็นจะจริงอย่างท่านว่า" ตัวเราเองในอนาคตผู้ไม่ค่อยจะรู้ประสีประสา ซึ่งมีกิริยาแหวนหน้าฟังศาสดาประกาศศาสนาในภายหน้า อาจจะอุทานออกมาด้วยความเลื่อมใสเป็นใจความว่าฉะนี้ แล้วก็ยินดีประพฤติปฏิบัติไปตามคำสอนของศาสดาป่าเถื่อนและโง่เขลานั้น ประพฤติการอันเป็นบาปชั่วช้าล่วงอกุศลกรรมบถนานาประการ เมื่อวายปราณตายไปจะเป็นอย่างไร ก็ต้องไปสู่อบาย เพราะอกุศลกรรมชักนำไป เช่นเดียวกับเหล่าสาวกของปูรณกัสสปเดียรถีย์ ซึ่งต้องไปเกิดเป็นผีนรกเพราะประพฤติตามคำสอนอันเป็นมิจฉาทิฐินั้น ครั้งพ้นจากทุกข์โทษในอบายได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก ก็ย่อมจะต้องพบหน้ามนุษย์ซึ่งอ้างว่าตนเป็นศาสดาผู้วิเศษอื่นๆ ซึ่งเราจำต้องฟังคำสอนของเขาอีก และเขาก็สามารถพาเราผู้ซึ่งแหวนหน้าฟัง และประพฤติตามคำสอนของเขาให้ไปลงนรกได้อีกเช่นกัน สภาพการณ์จะปรากฏมีอยู่อย่างนี้ไปไม่มีวันสิ้นสุด เพราะว่าศาสดาเหล่านั้นไม่ใช่พระอรหันต์สมัมาสัมพุทธเจ้า ด้วยเหตุนี้ท่านจึงกล่าวว่า นานาสัตถุอุลโลกนภัย คือ การที่ต้องตั้งคอแหวนหน้าคอยฟังคำสอนของศาสดาในภายหน้านี้ เป็นภัยลึกลับที่น่ากลัวซึ่งกำลังจ้องคอยตัวเราอยู่ในอนาคตกาล

"อปายิกภัย"
ภัยลึกลับในอนาคตอีกประการหนึ่ง ซึ่งเป็นชื่อเรียกเป็นศัพท์ว่า "อปายิกภัย" นี้ ได้แก่ ภัยที่เกิดจากการไปอุบัติเป็นสัตว์ในอบายภูมิ ! หมายความว่าอย่างไร หมายความว่าในชาตินี้เราโชคดีได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ในมนุษย์โลกซึ่งจัดว่าเป็นสุคติภูมิ แล้วยังประสบโชคดีเป็นซ้ำสอง เพราะได้เกิดมาพบบวรพระพุทธศาสนา หากว่ามีความประสงค์จะได้บรรลุธรรมวิเศษคือมรรคผลนิพพาน เพื่อนำตนให้พ้นภัยในวัฏสงสารถึงความเป็นผู้สิ้นเวรกรรม เราก็สามารถที่จะกระทำได้ ด้วยการปฏิบัติตามกระแสพระพุทธฏีกา แม้ว่าจะไม่ได้บรรลุมรรคผลนิพพานในชาตินี้ เพราะวาสนาบารมียังไม่แก่กล้าสมบูรณ์ดี แต่ก็อาจจะเป็นอุปนิสัยปัจจัย เพื่อให้ได้บรรลุธรรมวิเศษในอนาคตกาลภายหน้า


หากว่า เราปล่อยให้ความโชคดีซึ่งเราได้รับอยู่นี้ผ่านไป โดยไม่ได้ทำอะไรให้สมกับโอกาสดีได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา เมื่อถึงแก่กาลกิริยาตายจากชาตินี้ไป การที่จะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์เหมือนในชาตินี้อีก ในฐานะที่เป็นปุถุชนคนมีกรรมอยู่เช่นนี้ ย่อมมีโอกาสที่จะพึงได้ยากนักหนา ปราชญ์ทั้งหลายย่อมกล่าวว่า บรรดามนุษย์ที่ตายไปจากมนุษย์โลกนั้น เขาต่างพากันไปสู่อบายภูมิมากกว่าสุคติภูมิ อุปมาเหมือนกับขนโคกับเขาโค คือ มนุษย์ทั้งหลายที่ทำกิริยาตายลงไปทุกวันนี้น่ะ เขาพากันไปเกิดในจตุราบายภูมิ โดยไปเกิดเป็นสัตว์นรกในนิรภูมิบ้าง ไปเกิดเป็นเปรตในเปตติวิสยภูมิ ไปเกิดเป็นอสุรกายในอสุรกายภูมิบ้าง และไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานในเดรัจฉานภูมิบ้าง ต่างไปเกิดในอบายภูมิทั้ง ๔ นี้ มีปริมานมากมายเท่าขนโค ส่วนมนุษย์ที่โชคดีได้กลับมาเป็นมนุษย์ในมนุษย์โลก และจะได้ไปเŦ5;ิดเป็นเทวดาในเทวโลกเป็นสุคติภูมิ มีปริมาณน้อยยิ่งนักเทียบได้กับเขาโคเท่านั้น โคตัวหนึ่งมี 2 เขา แต่มีขนเท่าไรเล่า ท่านผู้มีปัญญาทั้งหลาย โอ...มีจำนวนมากมายจนไม่มีใครอยากจะนับทีเดียว ขนโคทั้งตัวที่มีจำนวนมากมายนั่นแล เทียบได้กับเหล่ามนุษย์ที่พากันไปเกิดในจตุราบาย ฝ่ายเหล่ามนุษย์ที่มีโกาสกลับมาเป็นมนุษย์หรือไปเกิดเป็นเทดา ย่อมมีแต่เพียงคู่หนึ่ง ซึ่งเท่ากับจำนวนเขาโค

สมมุติ ว่าตัวเราซึ่งกำลังได้รับโชคดีได้เกิดเป็นมนุษย์พบพระพุทธศานาอยู่ขณะนี้ หากมีอันเป็นแก่ถึงกาลกิริยาไปมิใช่อยู่ในประเภทเขาโค แต่บังเอิญไพล่เข้าไปอยู่ในประเภทขนโค โซซัดโซเซพลัดไปอุบัติเกิดในจตุราบายอันชั่วร้ายภูมิใดภูมิหนึ่งเข้าแล้ว จะเป็นอย่างไร คงจะวุ่นวายน่าเสียดายนัก เมื่ถึงขั้นนี้แล้ว อย่าว่าแต่จะปรารถนาเอามรรคผลนิพพานอันเป็นยอดสมบัติเลย แม้แต่มนุษย์สมบัติ เทวดาสมบัติ คือ การได้เกิดเป็นมนุษย์หรือไปเกิดเป็นเทวดา ก็เป็นอันเหลือวิสัยที่จะสมปรารถนา ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงกล่าวว่า อปายิกภัย คือการที่ต้องไปอุบัติเกิดเป็นสุตว์ในอบายภูมิ เป็นภัยลึกลับที่น่ากลัว ซึ่งกำลังจ้องคอยตัวเราอยู่ในอนาคตกาล

ท่าน ผู้มีปัญญาทั้งหลาย ภัยที่เกิดจากการที่ต้องตั้งคอแหวนหน้าคอยฟังคำสั่งสอนของศาสดาต่างๆอย่าง ไม่มีวันสิ้นสุด และภัยที่เกิดจากการที่ต้องไปอุบัติเป็นสัตว์ในจตุราบายให้ได้รับความทุกข์ ทรมานในอนาคตกาลภายหน้าเช่นกล่าวมานี้ ล้วนเป็นภัยลึกลับที่น่าเกรงกลัวอย่างยิ่ง น่าเกรงกลัวยิ่งกว่าภัยที่ปรากฏเฉพาะหน้า เช่น อัคคีภัย อุทกภัย วาตภัย โจรภัย ราชภัย และวาฬภัย เป็นต้น ซึ่งให้ผลเป็นความทุกข์ความเดือดร้อนในปัจจุบันชาตินี้เสียอีก เพราะเหตุใร ! เพราะเหตุว่า ภัยอันตรายเหล่านี้สามารถจะใหเผลเป็นความทุกข์ความเดือดร้อนเฉพาะในชาติ ปัจจุบันชาติเดียวเท่านั้น แล้วก็แล้วกันไป แต่ภัยลึกลับร้ายกาจซึ่งเกิดจากการต้องคอยแหวนหน้าดูศาสดาต่างๆที่เป็นศาสนา ที่สั่งสอนแบบผิดๆ และภัยที่เกิดจากการที่ต้องไปอุบัติเป็นสัตว์ในจตุราบายนั้น นอกจากจะให้ผลร้ายในชาติปัจจุบันแล้ว ยังสามารถฉุดกระชากลากไปเกิดในอบายภูมิทั้งหลายได้ หลายชาติหลายภพหนักหนา มิใช่ว่าแต่เพียงชาติเดียวภพเดียว และการไปเกิดในอบายภูมิ เช่น การไปเกิดเป็นสัตว์นรกนั้น แม้แต่ไปเกิดอยู่เพียงชาติเดียว ก็ฌป็นเรื่องที่น่าหวาดเสียวสะดุ้งใจยิ่งนัก หากมีญาณวิเศษได้เห็นความเป็นไปในนรกภูมิแล้วไซร้ คงจะเกิดความสะดุ้งใจเกรงขามไปตามๆกัน ทั้งนี้ก็เพราะในนรกบางขุมนั้น ปรากฏมีหม้อน้ำทองแดงอันเดือดพล่าน ตั้งแต่ปากหม้จนถึงก้นหม้ สัตว์นรกที่เคยเป็นมนุษย์แต่ตายไปตกนรกหม้อทองแดง จะมีโอกาสโผล่ขึ้นมาแต่ละครั้งนานแสนนาน ท่านกล่าวว่า ระยะเวลาที่สัตว์นรกจมลงไปและลอยขึ้นมาแต่ละครั้งอย่างรวดเร็ว ก็ต้องใช้เวลานานถึง ๖๐,๐๐๐ ปี พอโผล่ขึ้นมาที่ปากหม้อได้ไม่ถึงอึดใจก็ให้มีอันจมลงไปในหม้อนรกนั้นอีกเสีย แล้ว ลอยขึ้นและจมดิ่งลงอยู่อย่างนี้ ไม่รู้ว่ากี่เที่ยวต่อกี่เที่ยวจึงจะพ้นจากทุกข์โทษ และนรกบางขุมปรากฏว่ามีไฟนรกอันร้อนแรงเผาไหม้อยู่ตลอดกาล บรรดาสัตว์ที่ไปเกิดในนรกขุมนั้น ย่อมจะถูกไฟนรกเผาไหม้เป็นนิรันดรกาล จนกว่าจะสิ้นชาตินรกซึ่งนับเวลานานเป็นแสนเป็นล้านปี เช่นนี้แล้วจะเป็นอย่างไร หมายความว่าสัตว์นรกเหล่านั้น จะได้รับความทุกข์ทรมาน ด้วยความร้อนแรงแห่งไฟนรกขนาดไหน เพียงแต่หัวไม้ขีดไฟกระเด็นถูกอวัยวะร่างกายนิดหน่อย เราทั้งหลายก็ให้มีอันสะดุ้งโหยงกันแล้ว เพราะฤทธิ์ที่เกิดจากความร้อนของไฟธรรมดา ถ้าไปถูกไฟนรกเผาไหม้ทั้งร่างกายนานนับเป็นร้อยเป็นพันศตวรรษเล่า จะรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวได้รับความทุกข์ทรมานสักเพียงใด ขอให้ท่านผู้มีปัญญา
ทั้งหลายจงพิจารณาไตร่ตรองดูเถิด จะอย่างงไรก็ดีใคร่ขอย้ำความไว้ในที่นี้ เพื่อให้รับทราบโดยตระหนักว่า มหาภัยลึกลับอันมีฤทธิ์ร้าย ซึ่งสามารถจะฉุดกระชากตัวเราผู้มีกรรมไปสู่อบายภูมิในอนาคตกาลภายหน้านั้น มันกำลังจ้องคอยเราอยู่ด้วยความกระหาย


เมื่อ หยั่งทราบความเป็นไปในปัจจุบันว่า ตัวเรานี้เป็นผู้โชคดีเกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา ซึ่งปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่าเป็นมหาลาภอันประเสริฐสุด และหยั่งทราบในอนาคตภายหน้าว่า หากตัวเรามีมหาลาภในปัจจุบันนี้ ยังมีกรรมติดตัวก็ย่อมจักต้องมีมหันภัยลึกลับจ้องคอยเราอยู่ด้วยความกระหาย ในกรณีนี้จะทำอย่างไรดี ก็ต้องหาวิธีป้องกันภัยลึกลับไม่ให้ตกต้องมาถึงตัวเราได้เท่านั้นเอง วิธีป้องกันที่ถูกต้องและดีที่สุดก็คือ ต้องพยายามปฏิบัติตามพระโอวาทานุสาสนีแห่งสมเด็จพระชินสีห์เจ้า โดยการเข้าบำเพ็ญวิปัสนากรรมฐานจนกระทั่งได้บรรลุพระอริยะมรรคญาณอัน ประเสริฐ แต่พอพระอริยมรรคญาณบังเกิดขึ้นในขันทสันดาน พระอริยมรรคญาณนั้นจะกลายเป็นไฟเผาผลาญสังหารกรรมทันที ตอนนี้เอง กรรมอันเป็นตัวการสำคัญซึ่งทำหน้าที่ชักนำให้ไปพบกับภัยลึกลับในอนาคต ก็จักถูกเผาผลาญสังหารให้หมดสิ้นออกไปตามลำดับ และเมื่อกรรมอันเป็นตัวการสำคัญถูกสังหารเผาผลาญทำลายลงเช่นนี้แล้ว เราก็จะเป็นผู้ปลอดแคล้วจากภัยลึกลับที่จ้องคอยอยู่นั้นโดยไม่ต้องสงสัย

นอก จากจะเป็นวิธีป้องกันภัยลึกลับในอนาคตได้อย่างเด็ดขาดดังกล่าวมา การบำเพ็ญวิปัสนากรรมฐานตามกระแสพระพุทธฏีกา ยังอำนวยประโยชน์ให้แก่ผู้บำเพ็ญเป็นเอนกประการ ตั้งแต่ประโยชน์สุขชั้นต้นจนถึงประโยชน์สุขชั้นสูงสุดคือพระนิพพาน ดังนั้นจึงใคร่จะขอโอกาสกล่าวเป็นครั้งสุดท้ายไว้ในที่นี้ว่า อีกไม่ช้านาน เราก็จะพากันถึงแก่กาลกิริยาตายจากบวรพระพุทธศาสนาไปแล้ว แต่ก่อนที่จะจากไป สมควรที่จะได้แสวงหาสมบัติแก้ว คือพระนิพพานเอามาเป็นสมบัติแห่งตนให้จงได้ อย่ามัวพะวงหลงใหลเที่ยวไขว่ขว้าแสวงหาสมบัติอื่นใดให้วุ่นวายไปนักเลย ไม่สำเร็จประโยชน์ที่แท้จริงหรือเป็นแก่นสารอย่างไรหรอก จงเชื่อเถิด ทั้งนี้ก็เพราะสมบัติทั้งหลายอื่นไม่สามารถชักนำเราผู้มีกรรมให้พ้นไปจากเวร Ŧ5;รรมได้ แต่พระนิพพานสมบัติอันมีอยู่แต่เฉพาะพระพุทธศาสนา ควรจะนับได้ว่าเป็นยอดสมบัติทรงคุณประเสริฐยิ่งกว่าสมบัติทั้งปวง เพราะอาจช่วยเราให้ล่วงพง้นจากกองทุกข์ใหญ่ในวัฏสงสาร อันเป็นการหมดสิ้นเวรกรรมทั้งหลายได้อย่างแน่นอน

ด้วย เหตุนี้ จึงขอให้ทานผู้มีปัญญาจงอนุสรณ์ถึงพระนิพพานสมบัติ แล้วรีบเร่งวิปัสสนากรรมฐานตามกระแสพระพุทธฏีกา เพื่อคว้าเอาพระนิพพานสมบัติมาไว้ในอุ้งหัตถ์แห่งตนเสียแต่บัดนี้ จะได้ไม่เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา ขอจงรับทราบไว้โดยตระหนักเถิดว่า เวรกรรมของเรานี้จะไม่มีวันสิ้นสุดลงไปเป็นอันขาด หากว่าไม่มีการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามพระโอวาทานุสาสนี แต่เวรกรรมของเรานี้จะถึงความสิ้นสุดลงไปได้ ในเมื่อมีการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามครรลองแห่งพระพุทธโอวาส ปราชญ์ทั้งหลายสรรเสริญสดุดีผูปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานว่า เป็นผู้สร้างปราการอันแข็งแกร่งสำหรับปิดกั้นอบายภูมิให้กับตน อันจะเป็นเหตุให้ล่วงพ้นมุขมณฑลแห่งมฤตยู เพื่อเดินทางเข้าไปสู่สถานถิ่นที่สิ้นเวรกรรมคืออมตมหานฤพาน ด้วยประการฉะนี้.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น