2552/11/10

10 อันดับ ปริศนาของโลก!!!

อันดับ 10 : กะโหลกแก้ว (CRYSTAL SKULLS : SOUTHERN MEXICO)
ปริศนาจากชาวมายัน กุญแจที่จะไขทุกคำตอบในโลกของเรา กะโหลกแก้วคริสตัลลึกลับ 5 ใน 13 ทั้งหมดที่ถูกค้นพบ ถูกปลุกฟื้นตำนานเรื่องเล่า ความเป็นไปของมนุษย์จากอดีตกาลสู่ภพหน้า แหล่งบรรจุสรรพสิ่งดั่งคำทำนาย บัดนี้ยังคลุมเครือ ท่ามกลางความสงสัยเกี่ยวกับวิวัฒนาการ และเทคโนโลยีในอดีต ไม่น่าเชื่อว่ากะโหลกแก้วจะสร้างขึ้นเองได้ หากเป็นความจริงอันชวนตะลึง! ดั่งคำสันนิษฐานจากกะโหลกแก้วที่ค้นพบ ข้อมูลในนั้นจะเป็นตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างคนอดีตสู่คนยุคปัจจุบัน








อันดับ 9 : ภาพลายเส้นนาซคา (NAZCA LINES : NAZCA, PERU)
ลายเส้นพิศวงกับปริศนาจากภาพเหล่านี้ คือข้อกังขาของที่มาของเรื่องทั้งหมด รูปภาพสัตว์ขนาดใหญ่ สุนัข แมงมุม ปลาวาฬ ดอกไม้ ลิง เป็ด และนกกางปีก บนชายฝั่งทางใต้ของเปรู เป็นคำถามที่คนพื้นเมืองในอดีตสร้างขึ้นเพื่อผูกปมเรื่องให้ใคร่คิด บ้างเชื่อเรื่องทางเดินสู่แหล่งน้ำของชนเผ่าต่างๆ บ้างก็เชื่อมนุษย์ต่างดาวใช้สถานที่แห่งนี้ลงจอดยานบิน หรือมันอาจเป็นส่วนหนึ่งของปฏิทินดาราศาสตร์ที่ซับซ้อน แม้จะหาข้อสรุปไม่ได้ สมมติฐานทั้งหมดก็ช่วยให้เราสนใจภาพวาดเหล่านั้นยิ่งขึ้น





อันดับ 8 : สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า (BERMUDA TRIANGLE : ATLANTIC OCEAN)
ความลึกลับ อาถรรพณ์ และเรื่องจริงที่เกิดขึ้นยังคงกล่าวขานถึง สู่หายนะกับสถานที่แห่งนี้ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า มฤตยูกลางมหาสมุทรแอตแลนติก เหตุการณ์ที่ไม่สามารถหา คำอธิบายได้ ความจริงที่เครื่องบิน เรือ ที่ผ่านบริเวณสามเหลี่ยมมรณะถูกดูดกลืนสูญหายไปอย่าง ไร้ร่องรอยโดย ไม่ทราบสาเหตุ ทั้งที่สภาพอากาศ และทุกอย่างเป็นปกติ ไม่มีข้อสรุป คำตอบ หรือข้ออ้างให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีเพียงแต่ปริศนาที่ยังค้างคาใจ ผู้คนจนถึงปัจจุบัน








อันดับ 7 : บทพระบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ (ARK OF THE COVENANT : ETHIOPIA)
คำตอบกับการเปิดทางสู่โลกพระเจ้า การค้นคว้าทางศาสนาครั้งยิ่งใหญ่ ปริศนาศิลาจารึกที่อยู่ข้างในบพระบัญญัติ คือ เครื่องมือติดต่อถึงองค์พระเจ้าโดยตรง คำสอนศาสนา บทองคำ วัตถุศักดิ์สิทธิ์ ที่องค์พระศาสดาตระหนักรู้ อาจรอคอยช่วงเวลาที่เ...ะสมกับการเปิดเผย แต่ยังไม่ใช่ในตอนนี้




อันดับ 6 : โอเรกอน วอร์เท็กซ์ (OREGON VORTEX : GOLD HILL, OREGON)
พบกับสถานที่ที่ไม่ลึกลับแต่มันเป็นภาพลวงตาที่หาคำตอบไม่ได้ แนวแม่เหล็กที่ไขว้กันอยู่ใต้พื้นดิน สนามพลังผิดปกติ เมื่อคุณเข้าไปยืนในนั้นจะรู้สึกเหมือนเป็นตัวประหลาด จุดที่แม่เหล็กไขว้ทับกัน คุณรู้สึกได้ถึงความกดดัน มันผลักกันและกัน และหมุนรอบๆจนคุณทนไม่ไหว การยืด หรือหดตัวอย่างน่าใจหาย ไม่นับสถานที่แห่งนี้ยังมี โรงนาปริศนา ที่ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด ตัวของคุณจะเอียง ลูกกอล์ฟกลิ้งขึ้นเนินเองได้ ไม้กวาดตั้งได้เอง จนคุณอยากออกจากประสบการณ์แปลกประหลาดเหล่านี้สู่ โลกแห่งความจริง ที่ทุกอย่างพิสูจน์ได้




อันดับ 5 : นักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน (THE BOSTON STRANGLER : BOSTON, MA)
คดีแห่งปริศนา ฆาตกรรมอำพราง เมื่อหลายปีก่อนถูกคลี่คลาย แต่เร็วๆนี้ถูกนำมาสอบสวนใหม่ ชนวนที่ฆาตกรที่จับได้จะใช่ฆาตกรตัวจริงหรือ? คดีที่โด่งดังไปทั่วอ่าวแบ็คเบย์ในบอสตัน นักฆ่าใจโหด ข่มขืนและฆ่ารัดคอผู้หญิง 11 คนตายในบ้านตัวเอง คดีนี้ปิดฉากไปโดยตัวผู้รับสารภาพ อัลเบิร์ต เดอซาลโว แต่ต่อมาคดีฆาตกรรมปริศนาเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เมื่อครอบครัวของหญิง 1 ในผู้ตายพบหลักฐานที่ส่อพิรุธ การรื้อคดีเป็นได้แค่การบังหน้าของตำรวจ ไม่มีความรับผิดชอบใดใดเพิ่มมากขึ้น เดอซาลโว จะใช่ฆาตกรตัวจริงหรือเปล่า หรือว่านักฆ่าจอมโหดผู้นี้ยังคงลอยนวลต่อไป จนบัดนี้มันยังคงเป็นปริศนา???




อันดับ 4 : สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส (THE LOCH NESS MONSTER : INVERNESS, SCOTLAND)
บนโลกนี้มีเรื่องให้พิสูจน์อีกมาก อย่างที่เรากำลังจะพาไปเยี่ยมเยือนสัตว์ประหลาด แห่งทะเลสาบล็อกเนส ในสก็อตแลนด์ เรื่องเล่าที่โด่งดังเกี่ยวกับสัตว์รูปร่างประหลาด เนสซี่ ตัวใหญ่ประมาณ 15 – 40 ฟุต มักโผล่ขึ้นมาให้เห็นเป็นครั้งคราว หลายคนสนใจติดตามจับภาพสัตว์ประหลาดตัวนี้ แล้วบางอย่างก็เป็นจริง มีภาพของวัตถุลึกลับเคลื่อนไหวอยู่ในทะเลสาบชื่อก้องนี้ แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นตัวอะไรกันแน่ ถึงอย่างไรคนหลายคนต่างเชื่อว่า เนสซี่ สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส มีรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์ คอยาว มีครีบ นั้นมีอยู่จริง แต่เราจะได้เห็นหรือไม่คงต้องขึ้นอยู่กับตัวเนสซี่เอง




อันดับ 3 : คร็อพเซอร์เคิล (CROP CIRCLES : AVEBURY, ENGLAND)
วงกลมประหลาด รูปร่างแปลกๆหลายรูป ที่ยังคงต้องการคำตอบ เหตุแห่งการเกิด ชาวเมืองเอฟเบอรี่คุ้นเคยกับมันดี วงขนาดใหญ่ ยาวกว่า 200 เมตร กว้างร่วม 40 เมตร เกิดกระจัดกระจายไปทั่วทุ่งนา นำความเสียหายปนความสงสัยให้กับเจ้าของที่นาบริเวณ นั้นเป็นอย่างมาก มีทฤษฎีหลายทฤษฎีถูกตั้งขึ้นมาเพื่อตอบคำถาม ของคร็อพเซอร์เคิล มันอาจเป็นข้อความ หรือภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างมนุษย์ต่างดาว หรืออาจเป็นแค่วงกลมที่สร้างขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจ แค่นั้นเองก็ได้ คงไม่มีวันรู้





อันดับ 2 : ยักษ์แห่งเกาะอีสเตอร์ (EASTER ISLAND GIANTS : EASTER ISLAND, CHILE)
เดินทางมาสัมผัสเกาะปริศนาที่โดดเดี่ยว เวิ้งว้างกลางมหาสมุทร รูปสลักหินลึกลับขนาดมหึมากว่า 800 รูป เรียงรายเต็มฝั่งทั่วเกาะ ทั้งที่ไม่มีคนอยู่ รูปสลักนี้มาจากไหน? สร้างขึ้นได้อย่างไร? อาจเป็นชาวโพลีนีเชียนชนพื้นเมืองที่มาตั้งรกรากเมื่อ ค.ศ.400 เป็นผู้สร้างขึ้น แต่ทำไมถึงสร้าง และอยู่บริเวณนี้ได้อย่างไรยังคงเป็นปริศนาดำมืด ด้วยวิวัฒนาการ ความรู้ของคนในสมัยอดีต เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยกหินที่หนักกว่า 75 ตันมาไว้ตามชายฝั่งได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ถึงกระนั้นรูปปั้นเหล่านี้ก็ยังคงถูกทิ้งไว้เพื่อค้นหาคำตอบต่อไป




อันดับ 1 : แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ (JACK THE RIPPER : LONDON, ENGLAND)
มันคงเป็นปริศนาต่อไป และน่ากลัวกว่าที่คิดไว้เยอะ ปริศนาอันดับ 1 ที่ยังคงค้างคาใจเรา ฆาตกรต่อเนื่อง แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ อาชญากรระดับโลกที่ยังจับตัวไม่ได้ การสังหารอย่างโหดมของเหยื่อหลายรายติดๆกันถูกกล่าวขานถึง ย่านอีสต์เอนด์ของลอนดอนสร้างชื่อกระฉ่อนถึงความน่าสะพรึงกลัว ไม่เพียงแต่ไร้วี่แววของฆาตกร การพิสูจน์ หรือทดสอบด้านนิติวิทยาศาสตร์ยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร จึงไม่มีเหตุผล หรือหลักฐานหนักแน่นในการมัดฆาตกร จากคดีฆาตกรรมที่โด่งดังทำให้มีผู้ต้องสงสัยเกิดขึ้นมากมาย หลักฐานสำคัญต่างๆ ถูกผุดขึ้นมาภายหลัง จะเป็นไปได้มั้ยที่จะสืบสาวหาฆาตกรตัวจริงได้ แม้ฆาตกรคนนั้นคงไม่มีชีวิตอยู่ให้จับแล้ว แต่ก็ยังดีที่ได้รู้ว่าฆาตกรตัวจริงผู้นั้นคือใคร?


***ใครกันแน่คือแจ็คเดอะริปเปอร์? คนไข้โรคจิต ศัลยแพทย์มือฉมัง คนขายเนื้อ ชายซึ่งวางยาพิษฆ่าเมียตัวเอง หรือแม้แต่หลานชายของควีนวิคตอเรียแห่งอังกฤษ ก็ล้วนแล้วแต่พัวพันกับสมญานามของฆาตกรสุดโหดแห่งไวต์แชปเพิลผู้นี้


แจ็คเดอะริปเปอร์ เป็นสมญานามของฆาตกรต่อเนื่องซึ่งก่อคดีสะเทือนขวัญในกรุงลอนดอน ช่วงเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน ปี 1888 เหยื่อของแจ็คเดอะริปเปอร์ล้วนเป็นหญิงโสเภณีในย่านไวต์แชปเพิล แหล่งสลัมเสื่อมโทรมในเขตอีสต์เอนด์ สมญานามนี้ได้มาจากชื่อในท้ายจดหมายซึ่งโผล่ออกมาระหว่างที่เกิดการฆาตกรรมขึ้น

เหยื่อของแจ็คจะเป็นผู้หญิงหากิน ซึ่งล้วนถูกของมีคมเชือดคอและโดนคว้านเอาอวัยวะออกไป ปัจจุบันผู้ที่หลงใหลในการศึกษาเกี่ยวกับคดีฆาตกรสุดโหดนี้จำนวนมาก

ตำนานสยองขวัญเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม เมื่อมีคนพบร่างของ แมรีแอน นิโคลส์ (พอลลี)วัย 43 ปี การฆาตกรรมโสเภณีคนหนึ่งดูจะไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญเท่าใดนัก หลังจากเกิดเหตุตำรวจได้ตัวผู้ต้องสงสัยหลายคนแต่ก็จับใครไม่ได้ ชื่อพอลลีดูเหมือนจะเลือนหายไปแล้วกระทั่งผู้หญิงหากินอีกรายถูกพบกลายเป็นศพเมื่อวันที่ 8 กันยายนในปีเดียวกัน แอนนี แชปแมนถูกฆ่าปาดคอ และอวัยวะบางส่วนรวมทั้งมดลูกถูกคว้านออกและหายไปจากที่เกิดเหตุ เหตุการณ์นี้สร้างความสะพรึงกลัวไปทั่วลอนดอน

ขณะที่ตำรวจก็ไม่มีเบาะแส เพราะคนร้ายไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดๆ ให้ตามจับได้ ข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับการฆาตกรรมก็สะพัดไปทั่วเมือง ตอนนี้ฆาตกรได้ฉายาจากสื่อว่า "ผ้ากันเปื้อนหนัง" มีการตั้งข้อสงสัยว่ามือสังหารคือแพทย์ที่ต้องการศึกษาเกี่ยวกับชิ้นส่วนต่างๆ ของมนุษย์ ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

สามสัปดาห์หลังจากนั้นสิ่งที่น่าสยดสยองมากกว่านี้เกิดขึ้นอีกในค่ำคืนของวันที่ 30 กันยายน อลิซาเบธ สไตรด์ หรือ ลอง ลิซ วัย 45 ปี ออกจากผับแห่งหนึ่งและเดินกลับบ้าน แต่ศพของเธอถูกพบในวันถัดมา บริเวณลำคอมีบาดแผลเป็นทางยาว แต่ยังสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยดี คาดว่าฆาตกรคงถูกขัดจังหวะในขณะกำลังจะจัดการชำแหละเหยื่ออย่างเคย

แคทเทอรีน เอดโดวส์ หรือเคท วัย 46 ปี เป็นเหยื่อของแจ็คอีกรายที่สภาพศพน่ากลัวที่สุด โดนควักลูกตา เฉือนจมูก ลำคอถูกเชือด ช่องท้องถูกกรีดเป็นบาดแผลเหวอะ ไตถูกควักออกไป โดยมีข้อความเขียนไว้บนกำแพงในละแวกที่พบศพว่า "The Juwes are the men that Will not be Blamed for nothing." แปลความได้ว่า "ชาวยิวเป็นกลุ่มคนที่จะไม่ถูกกล่าวโทษ ไม่ว่าเรื่องใดๆ ก็ตาม"

ข้อความบนกำแพงนี้อาจจะมีอยู่ก่อนแล้วและไม่ได้เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม กระนั้นข้อความนี้ทำให้การสืบสวนพุ่งเป้าไปยังชาวยิว มีการวิพากษ์วิจารย์กันไปต่างๆ นานา จนเซอร์ชาร์ลส์ วอร์เรน ผู้บัญชาการตำรวจนครลอนดอนสมัยนั้นสั่งให้ลบข้อความดังกล่าวเพื่อลดกระแสต่อต้านยิว และก็มีการจับตัวชาวยิวหลายคน รวมทั้งจอห์น ไพเซอร์ ซึ่งต่อมาก็พบว่าเขาไม่ได้มีเอี่ยวใดๆ

ตำรวจรู้สึกกดดันอย่างหนักเมื่อยังหาตัวฆาตกรไม่ได้ ชาวอีสต์เอนด์ก็คิดว่าเคทคงเป็นเหยื่อรายสุดท้ายแล้ว แต่ขณะที่เจ้าของที่ดินผู้มั่งคั่งไปเก็บค่าเช่าบ้านกับแมรี จีน เคลลี สาวไอริชหน้าตาดีคนหนึ่ง หลังจากเคาะประตูแล้วไม่มีเสียงตอบเขาจึงไปดูทางหน้าต่าง และก็ต้องตกตะลึงกับภาพหญิงวัย 25 ปีอยู่ในสภาพนอนกางขาบนเตียงนอน ผิวหนังโดนถลก มีมดลูกกองอยู่ปลายเท้า มือข้างหนึ่งถูกจับล้วงเข้าไปในท้องที่โดนควักตับไตไส้พุงออก หัวใจถูกปลิดออกจากขั้วหายไป เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วห้อง ทั้งนี้เป็นที่รับรู้กันว่าตอนนั้นเคลลีกำลังตั้งครรภ์

เคลลีอาจจะใช่หรือไม่ใช่เหยื่อรายสุดท้ายของแจ็ค ในช่วงเวลาเดียวกันยังมีผู้หญิงข้างถนนอีกหลายคนถูกฆาตกรรม บางรายอาจจะเป็นฝีมือของแจ็คก็ได้เนื่องจากมีลักษณะใกล้เคียงกับเหยื่อรายก่อนๆ อย่างไรก็ตามเป็นที่ยอมรับในหมู่สาวกของแจ็คว่าเหยื่อของแจ็คนั้นมี 5 รายดังกล่าว ขณะที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ฆาตกรโหดรายนี้ต้องมีความรู้ในการในการผ่าตัดหรือทางการแพทย์อยู่พอสมควร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น