2553/08/31

'นากา' ชนเผ่าล่าหัวมนุษย์

“นากา” คือชื่อชนเผ่าหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในประเทศอินเดียทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ และรวมไปถึงประเทศพม่าด้วย

คำว่า “นากา” หลายๆคนยังถกเถียงกันว่ามีหมายหมายอย่างไร และเป็นคำของภาษาใด แต่ที่แน่ๆแล้ว ภาษาที่ชาวนากาใช้กันอยู่ทุกวันนี้เป็นภาษาที่อยู่ในตระกูล Tibeto-Burman languages group ในภาษาพม่า “นากา” หมายถึงพวกที่นิยมเจาะหูเจาะจมูก แต่ในทางกลับกัน ในภาษาฮินดีแล้ว “nanga” หมายถึง “เปลือย”

พวกชนเผ่านากานั้นที่อยู่ในประเทศอินเดียนั้น อาศัยอยู่ รัฐมณีปุระ รัฐอรุณาจัลประเทศ และรัฐอัสสัม และที่อยู่นอกประเทศอินเดียก็อาศัยอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนของอินเดีย และประเทศพม่า

ในอดีตชนเผ่านากามีชื่อเสียงมากในเรื่องการล่าหัวมนุษย์ และในปัจจุบันถึงแม้จะล้มเลิกไปแล้วถึงประเพณีดังกล่าว แต่ก็ยังคงหลงเหลือกะโหลกมนุษย์ไว้ให้ดูเป็นจำนวนมาก
ในอดีตแล้วชนเผ่านากานั้นเป็นรัฐที่เป็นอิสระไม่ขึ้นตรงต่อประเทศใด แต่ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศอินเดียได้ส่งกำลังทหารเข้าบุกยึดและทำการผนวกดินแดนของชนเผ่านากาให้ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอินเดีย

ใน ปัจจุบันชาวอินเดียที่มาจากแถบตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียในแถบดินแดนของ พวกชนเผ่านากา ในแถบ นากาแลนด์ มิโซรัม อรุณาจัล มณีปุระ ชาวอินเดียพวกนี้ จะถูกดูถูกว่าเป็นพลเมืองชั้นสอง ด้วยเหตุผลที่ว่าหน้าตาไม่เหมือนพวกตน คือ พวกสืบเชื้อสายมาจากพวกชนเผ่าอินโดอารยัน ซึ่งมักทะนงตนว่าตัวเองเป็นผู้ชนะและมีวัฒนธรรมเหนือกว่า
คนไทย เนปาล และทิเบต ก็ถือว่าโดนดูถูกจัดอยู่ในประเภทนี้ด้วยเช่นกัน อันนี้แสดงให้เห็นถึงความคับแคบและการปลูกฝังอย่างผิดๆ และที่ขึ้นชื่ออย่างมากในความคับแคบ ก็คือ คนในรัฐมหาราชฎระ ที่มักดูถูกคนต่างชาติ และต่างรัฐด้วยประหนึ่งว่าตนเองอยู่ในรัฐที่เจริญกว่าที่อื่นๆ ในอินเดีย และบางครั้งเลยเถิดไปว่าตัวเองดีที่สุดในโลก

โดย บางครั้งถึงกับออกปากพูดจาไล่คนต่างชาติเลยทีเดียว แต่เท่าที่พบส่วนมากจะเป็นพวกที่มีวิสัยทัศน์แคบ และไม่จำกัดในเรื่องการศึกษาเสียด้วย เพราะการศึกษากับวิสัยทัศน์ มันคนละเรื่องกัน

จากประสบการณ์จริงของผู้เขียน ชาวอินเดียที่มาจากตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียนี่ล่ะ น่าคบหามากกว่าชาวอินเดียทั่วไป เพราะด้วยเหตุที่วัฒนธรรมค่อนข้างใกล้เคียงกัน และนิสัยใจคอของพวกเขาจะคล้ายๆ คนไทย

นอกเรื่องไปเยอะ เรามาดูภาพชนเผ่านากา ความเป็นอยู่ และวัฒนธรรมกัน

หญ้าแฝก กำแพงที่มีชีวิต

จากสภาพความเสื่อมโทรมของทรัพยากรดิน อันเนื่องมาจากฝนตกหนัก และน้ำไหลบ่าอย่างรุนแรง ทำให้ผิวดินถูกกัดเซาะจนสูญเสียความอุดมสมบูรณ์ เป็นเหตุให้ดินพังทลาย ส่งผลเสียหายต่อพื้นที่ทำการเกษตร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตระหนักถึงปัญหา และสาเหตุที่เกิดขึ้น จึงทรงศึกษาศักยภาพของ “หญ้าแฝก” ที่มีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดิน และช่วยรักษาความชุ่มชื้นของน้ำใต้ดินไว้
หญ้าแฝก เป็นพืชพื้นบ้านที่ทำหน้าที่เสมือนกำแพงธรรมชาติที่มีชีวิต ช่วยชะลอการไหลของน้ำ และแรงปะทะของลม คอยกักกั้นตะกอนดิน ไม่ให้หน้าดินพังทลาย ซึ่งเกษตรกรสามารถนำมาปลูกโดยไม่ต้องดูแลมากนัก อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าจ่าย
สถาบัน international erosion control association หรือ IECA ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรางวัล international merit award และธนาคารโลก ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายรางวัลรากหญ้าชุบสำริด แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นการสดุดีพระเกียรติคุณ และพระปรีชาสามารถในฐานะที่ทรงเป็นนักอนุรักษ์ดินและน้ำ
นับตั้งแต่ พ.ศ. 2534 มาจนถึงปัจจุบัน ผลสำเร็จของโครงการพระราชดำริเรื่อง “หญ้าแฝก” ไดพลิกฟื้นคืนชีวิตให้กับแผ่นดิน นำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศน์อีกครั้ง
วันนี้หญ้าแฝกจึงมิได้เป็นเพียงต้นหญ้าที่ไร้ค่า แต่เป็น “ต้นหญ้ามหัศจรรย์” ที่มีอเนกอนันต์ต่อผืนแผ่นดินไทย
โปรดร่วมกันปกป้องพระเกียรติยศ และเผยแพร่พระราชกรณียะกิจเพื่อ “ในหลวง” ของพวกเรา

รู้จักเชื้อไวรัสโรตาหรือยัง?

รู้จักเชื้อไวรัสโรตา
ในบรรดาเชื้อโรคตัวก่อเหตุที่ทำให้เด็กเจ็บป่วย พบว่า มีอยู่ด้วยกันหลายจำพวก แต่มีอยู่หนึ่งชนิดที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการอุจจาระร่วงเฉียบพลันหรือลำไส้อักเสบ พบได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึง 5 ขวบปี เรียกเชื้อชนิดนี้ว่า “ไวรัสโรตา”

ไวรัสโรตาคืออะไร
ไวรัสโรตา เป็นสาเหตุหลักของโรคอุจจาระร่วงในทารกและเด็กเล็กเชื้อสามารถแพร่กระจายได้ง่าย เมื่อเด็กสัมผัสหยิบจับ โดนสิ่งของที่อยู่รอบตัว เช่น ของเล่น ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ของลูกหรือพื้นผิวทั่วไป แล้วใช้มือหรือสิ่งของเข้าปากก็สามารถติดเชื้อได้ เป็นเชื้อที่พบได้ตลอดทั้งปี แต่เริ่มระบาดในช่วงฤดูหนาวซึ่งอากาศจะเย็นและแห้งเดือนตุลาคมถึงมีนาคมของทุกปี

โรคที่เกิดจากไวรัสโรตา

อุจจาระร่วง
ถ้าเกิดกับเด็กเล็ก พบว่าเด็กจะถ่ายอุจจาระบ่อยและมีลักษณะเหลวเป็นน้ำ ตั้งแต่ 3 ครั้งใน 1 วัน หรือถ่ายเหลว มีมูกเลือดปนอย่างน้อย 1 ครั้ง มีไข้ ก้นแดงและอาจกินนมไม่ได้

อาการของเด็กโต(วัยเตาะแตะ) จะเริ่มจากการอาเจียน จากนั้นจะถ่ายเหลวและมีไข้ขึ้น ซึ่งอาการไข้และอาเจียนมักจะหายเองภายใน 2-3 วัน แต่บางรายมีอาการรุนแรง กินอาหารไม่ได้ เกิดภาวะขาดน้ำ มีโอกาสช็อกและเสียชีวิตได้


ลำไส้อักเสบ
เกิดจากการกินอาหารที่ไม่สะอาดมีการปนเปื้อนของเชื้อโรค เมื่อเชื้อไปที่ลำไส้ อาจทำให้ลำไส้เป็นแผล เกิดอาการท้องเสียขั้นรุนแรง และถ่ายเป็นมูกเลือด หากเชื้อมีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว เข้ากระแสเลือด ก็อาจทำให้เกิดโลหิตเป็นพิษ

อาการที่พบคือ เด็กจะมีไข้ตัวร้อน ถ่ายอุจจาระเหลวบ่อยครั้งและอาเจียน กินอาหารไม่ได้ ทั้งนี้อาการจะมากน้อยล้วนขึ้นอยู่กับภูมิต้านทาน ความแข็งแรงของเด็กแต่ละคน ถ้าภูมิต้านทานอ่อนแอก็ยิ่งทำให้อาการมีความรุนแรงมากขึ้น


การรักษาและป้องกัน
การติดเชื้อไวรัสโรตาในเด็ก สามารถรักษาได้ด้วยการประคับประคองอาการไม่ให้เป็นมากกว่าเดิมที่เกิดขึ้น เช่น การให้น้ำเกลือแร่แก้ไขภาวะขาดน้ำครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง กรณีที่อาการรุนแรง ไม่สามารถยับยั้งการติดเชื้อได้ ควรพาลูกส่งโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษาโดยด่วน

ดังนั้น วิธีที่ดี(ง่าย)ที่สุด คือการปกป้องลูกน้อยจากเชื้อตัวนี้ คือการหมั่นดูแลและรักษาความสะอาด สิ่งแวดล้อมใกล้ตัวเด็ก เช่น อาหาร ของเล่น หรือเครื่องใช้ต่างๆ รวมไปถึงผู้เลี้ยง

ปัจจุบันมีวัคซีนไวรัสโรตา ที่สามารถสร้างภูมิต้านทาน ปกป้องอันตรายให้กับเด็ก แต่เนื่องจากเป็นวัคซีนที่มีราคาแพง ก็ขึ้นอยู่กับฐานะทางครอบครัว คุณแม่อาจขอคำปรึกษาหรือคำแนะนำจากกุมารแพทย์ เกี่ยวกับการป้องกันเชื้อไวรัสดังกล่าว

2553/08/26

พระอาทิตย์ไม่เคยหลับ...ที่นอร์เวย์

ชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่นอร์ทเคป และสัมผัสบรรยากาศของแสงเหนือย่ำกรุงออสโลและเบอร์เกน ล่องชายฝั่งฟยอร์ดที่ยาวและลึกที่สุดในนอร์เวย์…

เมื่อเอ่ยถึง "ดินแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืน" หรือ "The Midnight Sun" เรามักจะนึกถึงประเทศนอร์เวย์ เนื่องจากในช่วงหน้าร้อนโลกจะเอียงเอาขั้วโลกเหนือเข้าหาดวงอาทิตย์ ทำให้ขั้วโลกเหนือได้รับแสงสว่างตลอด 24 ชั่วโมง และชาวนอร์เวย์จะเห็นดวงอาทิตย์เหนือขอบฟ้า แม้แต่ยามเที่ยงคืน


อัศจรรย์ธรรมชาติที่นอร์เวย์

หากต้องการชมพระอาทิตย์เที่ยงคืน ต้องไปเยือนนอร์เวย์ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม โดยควรเดินทางไปยังเมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศ คือตั้งแต่ เมืองทรูมเซอร์ ไปจนถึง เมืองนอร์ทเคป ซึ่งเป็นเมืองที่คนไทยนิยมมาชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนกันมากที่สุด เพราะที่นี่เป็นเมืองซึ่งพระบาทเสด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จฯ มาในคราวประพาสยุโรปครั้งที่ 2 โดยพระองค์ได้ทรงจารึกพระปรมาภิไธย จปร. และปีศ.ค. 1907 ไว้เป็นที่ระลึกบนก้อนหินด้วย

และมานอร์เวย์ทั้งที ก็อย่าลืมนั่งเรือเที่ยวชมความงามของฟยอร์ดตามชายฝั่งของเมืองออสโลหรือเมืองเบอร์เกน แต่ถ้าต้องการชม Sognefjord ฟยอร์ดที่มีความยาวและลึกที่สุดในนอร์เวย์บริเวณชายฝั่งตะวันตก ควรไปโปรแกรมทัวร์ Sognefjord in a Nutshell ซึ่งจะรวมการนั่งเรือชม Sognefjord และการนั่งรถไฟชมภูเขาและน้ำตกที่สวยงาม

กรุงออสโลแวะเมืองเบอร์เกน

สองเมืองของนอร์เวย์ที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะไปเยี่ยมชมก็คือ ออสโล และ เบอร์เกน ออสโลเป็นเมืองหลวงของประเทศซึ่งมีอายุกว่าพันปี กรุงออสโลจึงเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมและงานศิลปะอันงดงามมากมาย อีกทั้งยังมีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น พิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้ง เพื่อทำความรู้จักกับเรือไวกิ้งอันมีชื่อเสียงของนอร์เวย์ พิพิธภัณฑ์ Munch-Museet ที่รวบรวมงานศิลปะของจิตรกรนอร์เวย์ชื่อดัง เอ็ดวาร์ด มุงค์ เอาไว้ และ Vigelandsparken สวนที่ตกแต่งด้วยงานประติมากรรมสมัยใหม่มากกว่าสองร้อยชิ้น

ส่วนเบอร์เกนก็เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของนอร์เวย์ และได้รับยกย่องว่าเป็น "เมืองวัฒนธรรม" เบอร์เกนมีสถาปัตยกรรมที่ก่อสร้างด้วยไม้มากมาย ที่ดูเรียบง่ายแต่งดงามเข้ากับธรรมชาติ

ชิม...ชวนช้อป

นอร์เวย์มีชื่อเสียงในเรื่องของอาหารประเภทปลา ดังนั้น ร้านอาหารเกือบทุกร้านจะมีปลาหลากชนิดให้ชิม เช่น ปลาเทร้าต์ ปลาค็อต หรือปลาฮาลิบัต หากชอบอาหารประเภทเนื้อ ก็ลองไปชิมเนื้อกวางเรนเดียร์ กวางมูส หรือไก่ป่า และไม่ควรพลาดชิมซีสสีน้ำตาลรสหวานที่ทำจากนมแพะ ซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่นของชาวนอร์เวย์ด้วย

สำหรับของฝากของขวัญที่น่าซื้อก็คือ ผลิตภัณฑ์จากขนสัตว์ น้ำมันปลา เนยแข็งเทียนไข และของที่ระลึก เช่น เรือไวกิ้ง หรือตุ๊กตา Troll ตุ๊กตาพื้นบ้านของนอร์เวย์


Fast Facts

บุคคลสัญชาติไทยที่ประสงค์จะเดินทางไปนอร์เวย์ ยื่นขอวีซ่าได้ที่สถานทูตนอร์เวย์ ชั้น 18 อาคาร UBC2 591 สุขุมวิทซอย 33 กรุงเทพฯ 10110 โทร. 0-2204-6500

นอร์เวย์ใช้สกุลเงินโครนนอร์เวย์ (NOK) 1 โครนนอร์เวย์เท่ากับประมาณ 5.41 บาท

นอร์เวย์มีอากาศหนาวเย็นนานถึง 6 เดือน คือตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน อุณหภูมิประมาณ 0 ถึง -40 องศาเซลเซียส ฤดูร้อนจากเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 20-25 องศาเซลเซียส เป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวนิยมมาท่องเที่ยวมากที่สุด

นอร์เวย์มีช่วงเวลาลดราคาสินค้าปีละ 2 ครั้ง คือช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ และมิถุนายน-กรกฎาคม

Getting There & Getting Around

การบินไทยมีเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ-ออสโล 5 เที่ยวต่อสัปดาห์ คือวันจันทร์ พุธ ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ราคาตั๋วประมาณ 38,500 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0-2356-1111 หรือ คลิกไปที่ www.thaiainways.co.th

ออสโลมีระบบรถไฟได้ดินเรียกว่า Tunnelbane หรือ T-Bane โดยมองหาป้ายสีน้ำเงินที่มีโลโก้ตัว T l ขาวในวงกลม คุณสามารถซื้อตั๋วที่สามารถใช้ได้ทั้งรถไฟใต้ดิน รถเมล์ รถราง รถไฟ และเรือ โดยตั๋วเที่ยวเดียวราคา 25 NOK เมื่อซื้อล่วงหน้าและ 36 NOK หากซื้อบนรถเมล์, หรือรถราง ตั๋วจะใช้เดินทางได้หนึ่งชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมีตั๋วหนึ่งวันราคา 65 NOK หรือตั๋วสัปดาห์ราคา 200 NOK

แท็กซี่มีราคาค่อนข้างแพง คือเริ่มต้นที่ 80 NOK และ 160 NOK สำหรับช่วงกลางคืนวันสุดสัปดาห์จะมีแท็กซี่จอดรอตามที่สาธารณะต่างๆ หรือโทรเรียกได้โดยมีค่าบริการเพิ่ม

2553/08/18

ฮอลลีวูด เลิฟแฟชั่น

แสงพร้อม กล้องพร้อม แฟชั่นพร้อม แอ็กชั่น!!!



ยากที่จะปฏิเสธว่า วันนี้แฟชั่นได้กลายมาเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญของวงการหนัง เมื่อผลงานทั้งที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับแวดวงแฟชั่นโดยตรง รวมทั้งหนังที่ยกให้แฟชั่นมีบทบาท ราวกับเป็นธีมหรือคอนเซปต์ของเรื่อง ต่างทยอยออกมาให้ได้ชมกันต่อเนื่อง ทำให้วันนี้...สไตลิสต์หรือดีไซเนอร์บางคนเกิดเพราะหนัง และหนังบางเรื่องก็เกิดเพราะสไตลิสต์หรือดีไซเนอร์ อย่างไม่ใช่เรื่องแปลก

หากย้อนเวลากลับไปศึกษาประวัติศาสตร์ของวงการหนังก็จะพบว่า...เสื้อผ้าอาภรณ์ที่ตัวละครสวมใส่ในหนังถูกยกระดับจากคอสตูมธรรมดาให้กลายมาเป็นตัวช่วยขายหนังตั้งนานมาแล้ว และถ้าพูดถึงหนังและแฟชั่นแล้ว คนแรกที่ใครต่อใครต้องนึกถึงคือ ออเดรย์ เฮปเบิร์น เจ้าของตำแหน่ง สุดยอดแฟชั่นไอคอนในหนัง

ดาราสาวคนดังแห่งทศวรรษ 1960 ออเดรย์ เฮปเบิร์น เธอเป็นผู้หญิงสวย น่าหลงใหล และน่าลอกเลียนสไตล์ โดยเฉพาะกับชุดแต่งกายของเธอในหนังเรื่อง Breakfast at Tiffany’s ซึ่ง ฮิวเบิร์ต จิวองชี เป็นผู้ออกแบบ พวกเขาช่วยฝังรากแห่งความผูกพันระหว่างฮอลลีวูดและแฟชั่น

จนถึงวันนี้ ฮอลลี โกไลต์ลี ซึ่งรับบทโดย ออเดรย์ เฮปเบิร์น ยังคงเป็นผู้นำแฟชั่นอย่างไร้กาลเวลา เธอถูกโหวตให้เป็นตัวละครที่เป็นแฟชั่นไอคอนอันดับ 1 ตามมาคือ สาวชาวนิวยอร์ค แคร์รี แบรดชอว์ (ซาราห์ เจสสิกา ปาร์กเกอร์) จากหนังดังแห่งปี 2008 เรื่อง Sex and the City และ แอนดี แซคส์ (แอนน์ แฮธาเวย์) จาก The Devil Wears Prada

ปัจจุบันผู้คนยังคงชื่นชอบสไตล์ของ ฮอลลี โกไลต์ลี เธอทำให้ ลิตเติลแบล็กเดรส ที่จิวองชีออกแบบให้ กลายเป็น “ไอเท็ม” อันดับต้นๆ ที่สาวๆ ใฝ่ฝันอยากสวม ตามมาด้วยชุดเดรสผูกคอสีขาวซึ่ง มารีลีน มอนโร สวมใน The Seven Year Itch และรองเท้าสีชมพูของ จูดี การ์แลนด์ ในบท โดโรธี จากเรื่อง The Wizard of Oz

ถ้าจะว่าไปแล้ว คนกลุ่มแรกๆ ที่เริ่มหว่านเมล็ดพันธุ์แฟชั่นในหนังก็รวมถึง เฟย์ ดันอะเวย์ และ วอร์เรน บีตตี ดารานำจาก Bonnie and Clyde ซึ่งทำให้เกิดเทรนด์แห่งทศวรรษ 1930 ด้วยเสื้อผ้าของ ธีโอดอร์ แวน รันเคิลส์ และทรงผมที่เฟย์ตัดก็เยี่ยมยอด จนทำให้คนอยากดูหนังเรื่องนี้เพิ่มขึ้น

หนุ่มหล่อสุดเซ็กซี่ในมาดแบดบอยอย่าง มาร์ลอน แบรนโด จาก On the Waterfront และ Streetcar Named Desire ทำให้เสื้อยืดแจ็กเกตหนังและยีนส์กลายเป็นแฟชั่นยอดนิยมของผู้ชายในยุค 1950

นอกจากชุดเด่นเดรสสีขาวผูกคอซึ่ง มาริลีน มอนโร พยายามจับชายกระโปรงไม่ให้ปลิวตามแรงลมที่เธอสวมในหนังเรื่อง The Seven Year Itch (ปี 1955) แล้ว ดาราสาวคนนี้ยังมีชุดเดรสสีชมพูไร้สายของเธอใน How to Marry a Millionaire (ปี 1953) นั้นเป็นผลงานการสร้างสรรค์ของ วิลเลียม ทราวิลลา และ ซัลวาตอเร เฟอร์รากาโม ที่ยังไม่มีใครลืมจนถึงทุกวันนี้

อีฟส์ แซงค์ ลอแรงต์ แต่งตัวให้ แคเธอรีน เดอเนิฟ ใน หนัง Belle de Jour (ปี 1967) และเธอก็กลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการทำงานของดีไซเนอร์ชื่อดังผู้นั้นต่อมาอีกหลายปี

ต้นปี 1970 ราล์ฟ ลอเรน ยังไม่เป็นที่รู้จัก กระทั่ง โรเบิร์ต เรดฟอร์ด และ มีอา ฟาร์โรว์ สวมเสื้อผ้าของเขาในหนังเรื่อง Great Gatsby เขายังออกแบบเสื้อผ้าให้กับ Annie Hall ซึ่งทำให้ชุดแบบ “แมนๆ” ที่ดาราสาว ไดแอน คีตัน สวมเป็นสไตล์ล้ำสุดๆ ในปี 1974 หญิงสาวทั้งหลายนำแจ็กเกตและเสื้อโค้ตของผู้ชายมาสวมกันเป็นเรื่องปกติ

ไมเคิล ดักลาส ใน Wall Street ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่ง “ความโลภคือ ความดี” ในทศวรรษ 1980 เขาทำให้สายรั้งกางเกงลายสีแดงอันโตกลายมาเป็นชิ้นสำคัญในการแต่งกายแบบยัปปีที่ยังคงมีให้เห็นจนถึงปัจจุบัน

เมื่อ มาดอนน่า ในหนังเรื่อง Desperately Seeking Susan สวมเสื้อโชว์บราก็ก่อเป็นกระแสแฟชั่นที่นำเอาอันเดอร์แวร์มาเป็นเอาเตอร์แวร์นิยมกันทั่วทุกหัวระแหงในปี 1984 และคงอยู่มาจนถึงวันนี้

ข้ามฟากไปถึงซีรีย์ทางโทรทัศน์อย่าง Gossip Girls ที่นำเสนอเรื่องราวของวัยรุ่นจากสังคมชั้นสูงในนิวยอร์คก็ทำให้สาวน้อยทั้งหลายลุกขึ้นมาตามล่าหาของที่คล้ายคลึงกับตัวละครในเรื่องมาสวมใส่กันเป็นทิวแถว ไม่ว่าจะเป็นที่คาดผมแบบควีนบีหรือชุดเก๋แบบเซรีนาก็ตามที

หนังหลายเรื่องให้ความสำคัญกับคอสตูมมากกว่าองค์ประกอบอื่น แฟชั่นได้กลายมาเป็นคอนเซปต์ของหนังหลายๆ เรื่อง มีส่วนทำให้หนังประสบความสำเร็จ เมื่อมีแฟชั่นเป็น “ใจความ” หลักของหนัง ตำแหน่งสำคัญของทีมงานคือ ดีไซเนอร์หรือสไตลิสต์ และวันนี้ก็คงไม่มีใครไม่รู้จัก แพทริเชีย ฟิลด์ สาวเปรี้ยวสูงวัยชาวนิวยอร์คซิตี้โดยกำเนิด ผู้อ้างว่าให้กำเนิดเลกกิงสำหรับผู้หญิงสมัยใหม่ตั้งแต่ทศวรรษ 1970 เธอเป็นเจ้าของบูติกชื่อเดียวกับชื่อตัวซึ่งตั้งอยู่ในแมนฮัตตัน แพทริเชีย ฟิลด์ โด่งดังขึ้นมาเมื่อ ซาราห์ เจสสิกา ปาร์กเกอร์ ชักชวนให้มาออกแบบเสื้อผ้าให้ตัวละครในซีรีย์ Sex and the City ตั้งแต่ฤดูกาลแรกในปี 2000

หลังประสบความสำเร็จจากซีรีย์เรื่องนั้น แพทริเชีย ฟิลด์ ก็มี “งานเข้า” เป็น The Devil Wears Prada (ปี 2006) ที่ทำให้เราได้เห็น เมอริล สตรีป สะดุดตาด้วยผมสีเทา แต่งกายในชุดสุดชิก หรูหรา ฟู่ฟ่า สมกับบทบาท มิแรนดา บรรณาธิการนิตยสารแฟชั่นชั้นนำของโลก ขณะที่ผู้ช่วยสาวอย่าง แอนดี แซคส์ (แอนน์ แฮธาเวย์) อาจจะไม่ใช้ของแพงเทียบเท่ามิแรนดา แต่ก็สวยสะดุดตาเสียจนสาวๆ อดขโมยสไตล์ไม่ได้ ทั้งยังมี เอมิลี บรันต์ ผู้ช่วยอีกคนของมิแรนดา เป็นแรงดึงดูดในคนรักแฟชั่นได้อีก

แพทริเชีย ฟิลด์ สไตลิสต์ของหนังบอกว่า เธอใช้สินค้าของดีไซเนอร์มากกว่า 100 ราย ทั้งหมดมีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่เพราะงบน้อยเธอจึงใช้วิธียืม ซึ่งรวมถึง ขนมิ้งค์ของเดนนิส บาสโก ราคา 30,000 เหรียญสหรัฐ (ราว 1 ล้านบาท!?) โค้ทขนแกะเปอร์เซียของเฟนดิราคา 25,000 เหรียญสหรัฐ หินลาวาสลักของเฟรด ลีห์ตัน ราคา 15,000 เหรียญสหรัฐ ทั้งหมดนั้นเมอริล สตรีป เป็นผู้สวมใส่ ส่วนสาวน้อยแอนน์ แฮธาเวย์ ใช้ของราคาย่อมลงมา อย่างเช่น โค้ทขนแกะสีงาช้างของ Yigal Azrouel ราคา 2,500 เหรียญสหรัฐ (หรือราว 9 หมื่นบาทเท่านั้น!?) และรองเท้าบู๊ตชาแนลราคา 995 เหรียญสหรัฐ (ราคาเซลส์แล้ว)

แน่นอนเมื่อ Sex and the City ถูกนำมาสร้างเป็นหนัง (ปี 2008) แพทริเชีย ฟิลด์ ก็ยังตามมาทำหน้าที่สไตลิสต์ และทำให้หนังประสบความสำเร็จมหาศาล เพราะแฟชั่นมีส่วนอย่างมาก ผลที่ตามมาคือ ผู้หญิงทุกแห่งหนในโลกพยายามที่จะเป็น แคร์รี แบรดชอว์ นางเอกของเรื่องนี้ประดับร่างด้วยเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า และเครื่องประดับจากดีไซเนอร์ชั้นนำ แพทริเชียทำให้ผู้หญิงทั้งโลกอยากจะสวมเสื้อชั้นสูงของเวอร์วาเชเรื่อยไปจนถึงสร้อยคอสลักชื่อราคาไม่กี่ร้อยบาท ที่ตัวละครนำใช้กับหนังที่ออกฉายเมื่อต้นปี Confessions of a Shopaholic ทำให้เราได้เห็น สาวรีเบคกา (แสดงโดย ไอส์ลา ฟิชเชอร์) ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะเลิกเป็นเหยื่อของแฟชั่น แต่ก็เป็นเรื่องยากยิ่ง ทั้งเนื้อตัวของเธอเต็มไปด้วยแบรนด์เนม และเธอก็สวมมันอย่างมีสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าสีสันสดใส ลายเสือดาว ลายตาหมากรุก ทุกอย่าง “แมตชิง” กันทั้ง เข็มขัดทอง รองเท้าบู๊ตขนสัตว์สีชมพู ฯลฯ รีเบคกาจึงโดดเด่นสะดุดตากลายมาเป็นต้นแบบสาวๆ นอกจอได้จำนวนหนึ่ง นี่ก็เป็นผลงานของสไตล์กูรูอย่าง แพทริเชีย ฟิลด์ เช่นกัน

หนังเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันว่า ฮอลลีวูด นั้นหลงใหลในแฟชั่น และวงการแฟชั่นก็ต้องการพลังมหาศาลของวงการหนังมาช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมนี้มีความเคลื่อนไหว เช่นนั้นแล้วสายสัมพันธ์แบบวินวินระหว่างแฟชั่นและฟิล์มนั้นจะยังคงอยู่ต่อไป

ภายในสัปดาห์นี้ Bruno อันเป็นหลักฐานแห่งความสัมพันธ์ระหว่างฟิล์มและแฟชั่นก็จะออกฉาย ผลงานของดาวตลก ซาชา บารอน โคเฮน ที่จะพาคนดูได้ไปตามติดชีวิตของบรูโน (ซาชา บารอน โคเฮน) แฟชั่นนิสตาชาวสีม่วงจากออสเตรีย (ผู้มีรายการโชว์เป็นของตัวเองชื่อ Funkyzeit Mit Bruno) กับการหาทางดังระดับโลก หนังตลกเรื่องนี้จะนำเสนออีกด้านของแวดวงแฟชั่น ส่วนเครื่องแต่งกายของดารานำซึ่งมีสไตล์เฉพาะตัวสุดๆ อาจจะเลียนแบบได้ยาก

และอีกไม่นานเกินรอ สาวกของแบรนด์ ชาแนล ก็เตรียมพบกับ Coco Avant Chanel หนังที่นำเรื่องราวชีวิตของ แกเบรียล (ออเดรย์ โตตู) หญิงสาวที่ก้าวมาจากผงธุลีสู่การเป็นดาวแห่งวงการแฟชั่นในชื่อ โคโค ชาแนล มาสร้าง นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งครั้งที่แฟชั่น (ย้อนยุค) จากหนังจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับการแต่งกายของผู้หญิงทั่วโลก ดีไซเนอร์ผู้นี้ทำให้ลิตเติลแบล็กเดรสเป็นสิ่งที่ผู้หญิงต้องมีติดตู้ เป็นผู้ออกแบบแจ็กเกตสั้นหรือบ็อกซี แจ็กเกต ทำให้กางเกงเป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิง พร้อมด้วยสร้อยไข่มุกพันหลายทบ และทำให้ชาแนลนัมเบอร์ไฟฟ์กลายเป็นหนึ่งในน้ำหอมชั้นนำของโลก

หนังเรื่องนี้จะทำให้กระแสชาแนลฟีเวอร์แพร่กระจายไปทั่ว (อีกครั้ง)...และยืนยันถึงสายสัมพันธ์แนบแน่นของฮอลลีวูดกับแฟชั่น คัต

2553/08/07

ฟัวกราส์ (ตับห่าน)

Foie gras [ฟัว-กรา]
ฟัวกราส์ (ฝรั่งเศส: Foie gras หรือ fat liver) คือตับห่านหรือเป็ดที่ถูกเลี้ยงให้อ้วนเกิน ฟัวกราส์ได้ชื่อว่าเป็นอาหารฝรั่งเศสที่ดีที่สุด เช่นเดียวกับทรัฟเฟิล มีลักษณะนุ่มมันและมีรสชาติที่แตกต่างจากตับของเป็ดหรือห่านธรรมดา และเป็นหนึ่งในอาหารฝรั่งเศสที่ทั่วโลกรู้จักมากที่สุดนอกเหนือจาก ไข่ปลาคาเวียร์

ฟัวกราส์เป็นอาหารราคาแพง ราคาเริ่มต้นที่ เจ็ดสิบยูโรต่อกิโล ไปเรื่อย ๆ เคยเห็นสูงสุดที่ร้อยห้าสิบยูโร แต่คงมีสูงกว่านี้ แต่ยังแพงน้อยกว่าไข่ปลาคาเวียร์ รสชาติก็คงตามราคา กินตามงานเลี้ยง และร้านอาหารที่มีในเมนู ลักษณะฟัวกราส์ที่ดี เนื้อตับจะแน่น เนื้อละเอียด นุ่มลิ้นไม่ต้องเคี้ยว ใช้ลิ้นดันให้ละลายในปากได้

การที่จะทำฟัวกราส์สักชิ้นนั้นส่วนใหญ่มักใช้เป็ด Moulard ขุน และเมืองที่ขึ้นชื่อทำตับห่านมากที่สุดคือเมือง Strassburg เนื่องจากเมืองนั้นเป็นผู้ผลิตหลักของผลิตภัณฑ์อาหารชนิดนี้

ฟัวกราส์เป็นอาหารที่มีชื่อเสียงมาก เป็นที่รู้จักกันดีในรสชาติละเอียดอ่อนบวกกับฝีมือการทำอาหารฝรั่งเศสทำให้ รสชาติของมันไม่สามารถบรรยายด้วยคำพูด ทำให้ตับห่านฟัวกราส์ที่ออกมาวางขายแต่ละครั้งมักขายหมดไปอย่างรวดเร็ว แต่กระนั้นฟัวกราส์เป็นอาหารฟุ่มเฟือย ขนาดในฝรั่งเศสจะบริโภคฟัวกราส์ในโอกาสพิเศษเท่านั้นเช่นวัน คริสต์มาสหรือเวลาเย็นของปีใหม่


2553/08/05

Mothers Day :)

M - O - T - H - E - R
"M" is for the million things she gave me,
"O" means only that she's growing old,
"T" is for the tears she shed to save me,
"H" is for her heart of purest gold;
"E" is for her eyes, with love-light shining,
"R" means right, and right she'll always be,
Put them all together, they spell
"MOTHER,"
A word that means the world to me.

=]


Wonderful 'Mother'
God made a wonderful mother,
A mother who never grows old;
He made her smile of the sunshine,
And He moulded her heart of pure gold;
In her eyes He placed bright shining stars,
In her cheeks fair roses you see;
God made a wonderful mother,
And He gave that dear mother to me.


♥mom♥mom♥mom♥mom♥mom♥mom!
♥mom♥mom♥mom♥mom♥mom♥mom!
♥mom♥mom♥mom♥mom♥mom♥mom!
♥mom♥mom♥mom♥mom♥mom♥mom!